รีเซต

ส่อง...ไทยพาวิลเลี่ยน กระหึ่ม Dubai Expo 2020

ส่อง...ไทยพาวิลเลี่ยน กระหึ่ม Dubai Expo 2020
มติชน
3 พฤศจิกายน 2564 ( 06:46 )
61
ส่อง...ไทยพาวิลเลี่ยน กระหึ่ม Dubai Expo 2020

งาน World Expo เป็นงานแสดงนิทรรศการระดับโลกที่จัดขึ้นประจำทุก 5 ปี ภายใต้การกำกับดูแลขององค์การนิทรรศการนานาชาติ (Bureau of International Expositions : BIE) โดยในปี ค.ศ.2020 หรือ พ.ศ.2563 งาน World Expo จัดขึ้น ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ภายใต้แนวคิดหลัก “เชื่อมความคิด สร้างอนาคต”

 

สำหรับประเทศไทย การเข้าร่วมแสดง World Expo 2020 Dubai กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) ได้รับมอบหมายเป็นหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบ และเป็นตัวแทนประเทศไทยในการเข้าร่วมจัดแสดงนิทรรศการระดับโลก จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 6 เดือน ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนัก และความเชื่อมั่นในศักยภาพการพัฒนาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลในมิติต่างๆ ของประเทศไทย รวมถึงกระชับความสัมพันธ์ด้านการต่างประเทศ และนโยบายอื่นๆ ของรัฐบาลไทยกับนานาประเทศ

 

อาคารแสดงประเทศไทย จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “การขับเคลื่อนสู่อนาคต” (Mobility for the Future) เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่อนาคต (Creating the Future) สอดคล้องไปกับแนวทางการพัฒนาประเทศไปสู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) และเป็นเวทีประกาศศักยภาพการเป็นผู้นำเทคโนโลยีดิจิทัลของไทยในเวทีระดับโลก ผ่านการพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศไทยในมิติ Digital for Development ต่อยอดจากประเทศที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกด้วยความอุดมสมบูรณ์ของดินแดนสุวรรณภูมิและวัฒนธรรมอันโดดเด่นแบบสยามเมืองยิ้ม ไปสู่การเป็นศูนย์กลางการพัฒนาด้านดิจิทัล ที่สามารถเชื่อมต่อทุกคนไปยังทุกที่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

โดยมีตราสัญลักษณ์พวงมาลัย สื่อถึงมิตรภาพและการต้อนรับอย่างจริงใจที่คนไทยมอบให้ผู้มาเยือนทุกคน ส่วนลายเส้นในพวงมาลัยเป็นการสื่อถึงการเชื่อมต่อของเทคโนโลยีดิจิทัลแบบไร้ขีดจำกัด การใช้สีทองเป็นสีหลักเพื่อสื่อถึงแผ่นดินสุวรรณภูมิที่อุดมสมบูรณ์ของไทย

 

อีกทั้งยังมีสัญลักษณ์นำโชค หรือ MASCOT ชื่อ “รัก” (RAK) และ “มะลิ” (MALI) แมสคอตสองพี่น้องตัวแทนประเทศไทย ทำหน้าที่เป็นผู้บอกเล่าเรื่องราวของประเทศไทย สร้างจากแรงบันดาลใจคือดอกรัก และดอกมะลิ ดอกไม้สำคัญของไทยที่ใช้เป็นองค์ประกอบหลักในการร้อยพวงมาลัยเพื่อมอบให้ผู้มาเยือน แสดงถึงมิตรไมตรีและการต้อนรับอย่างอบอุ่น

 

ภายในอาคารแสดงประเทศไทยแบ่งการนำเสนอออกเป็น 4 ห้องนิทรรศการหลัก

ห้องที่ 1 : THAI MOBILITY ผ่านความงดงามของศิลปะไทย จัดแสดงในรูปแบบ Walkthrough Exhibition ที่ผู้เข้าชมจะได้พบกับความงดงาม ตระการตาของ “เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์จำลอง” ซึ่งเป็นหนึ่งในเรือพระที่นั่ง ในพระราชพิธีกระบวนพยุหยาตราชลมารค และราชรถในตำนาน ซึ่งเป็นพาหนะเดินทางในวรรณคดีของไทย

 

ห้องที่ 2 : MOBILITY OF LIFE น้ำขับเคลื่อนชีวิตไทย การจัดแสดงในรูปแบบ Aquatic Performance สะท้อนภาพประวัติศาสตร์ สังคม ประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิต จากอดีตสู่ปัจจุบัน ภายใต้ร่มพระบารมีของพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ ด้วยพระอัจฉริยภาพ และโครงการในพระราชดำริ ทำให้ประเทศไทยพัฒนากลายเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค พร้อมต้อนรับนานาประเทศที่มาท่องเที่ยว ลงทุน ทำธุรกิจ

 

ห้องที่ 3 : MOBILITY OF THE FUTURE การขับเคลื่อนประเทศในยุคดิจิทัล การจัดแสดงในรูปแบบ 360 Adventure พาผู้ชมขึ้นโดรน พาหนะแห่งอนาคต เดินทางสู่ภาพอนาคตจำลองของประเทศไทย ที่พัฒนาตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 กับเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ทั้ง 7 มิติ ด้วยความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อผลักดันตัวเองเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีดิจิทัลในภูมิภาคอีกด้วย

 

ห้องที่ 4 : HEART OF MOBILITY หัวใจหลักของการขับเคลื่อน การจัดแสดงในรูปแบบ “หนังสั้นจากเรื่องจริง” ผ่านคำบอกเล่าของชาวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทยในแง่มุมต่างๆ กับเสน่ห์แบบไทยที่สร้างความประทับใจให้ทั่วโลก

 

นอกจากนี้ ยังมีส่วนของร้านอาหารไทย ‘The Taste of Thai’ ให้ผู้เข้าชมงานได้ลิ้มรสความอร่อยของอาหารไทยแท้ และร้านของที่ระลึก ‘Thai Souk’ ที่คัดสรรสินค้าดีมีคุณภาพจากประเทศไทยมาร่วมสร้างความประทับใจ อีกทั้งยังมีนิทรรศการ และกิจกรรมพิเศษต่างๆ จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมาหมุนเวียนมาร่วมจัดแสดง ภายใต้แนวคิด The Best of Thailand เพื่อนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดของประเทศไทย ที่แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ และศักยภาพด้านต่างๆ ของประเทศไทยบนเวทีโลก โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนจัดกิจกรรมตลอด 6 เดือนเต็ม

 

ล่าสุด หลังจากเปิดอาคารแสดงประเทศไทยไปแล้ว 1 เดือน มียอดผู้เข้าชมทะลุเกิน 2 แสนคนแล้ว !!
“ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ระบุว่า การเข้าร่วมงาน World Expo 2020 Dubai ในครั้งนี้ นอกจากการจัดแสดงทางวัฒนธรรมประเพณี เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้เข้าชมงานแล้ว ยังถือเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศไทยจะได้ใช้เวทีอันทรงเกียรติแห่งนี้ สร้างความเชื่อมั่นให้นานาชาติได้เห็นถึงศักยภาพ และความพร้อมด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศไทย การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล การพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล รวมถึงระบบการแพทย์และสาธารณสุขของไทย ตลอดจนกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่โอกาสใหม่ในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านการค้า การลงทุน และการสานต่อความสัมพันธ์อันดีกับประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมงาน

 

นอกจากนี้ยังมีการแสดงประจำวัน เพื่อดึงดูดผู้เข้าชมงานสู่อาคารประเทศไทย และให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสถึงบรรยากาศ และเอกลักษณ์ในแบบไทย นำเสนอภายใต้แนวคิด “Thai Iconic” : ความเป็นไทยสู่สายตานานาชาติ โดยนำวัฒนธรรม ประเพณี สถานที่ท่องเที่ยวและเสน่ห์ของคนไทยผสมผสานกับความทันสมัย และนวัตกรรมของไทย โดยแบ่งออกเป็น 3 ชุด โดยจะสลับหมุนเวียนกันไปในแต่ละวัน ดังต่อไปนี้

 

1.จิตวิญญาณนักสู้ไทย : THAI FIGHTING SPIRIT การแสดงมวยไทยในรูปแบบของอีสปอร์ต (E-sport) ที่ผสมผสานการต่อสู้กับเทคนิคมัลติมีเดียแบบประยุกต์ นำเสนอความสวยงาม และยิ่งใหญ่ของท่วงท่าที่หนักแน่นและเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนชาติใด เพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชม

 

2.ทำนองไทย 4 ภาค : THAI RHYTHM การแสดงไทยประยุกต์ที่ผสมผสานประเพณีไทย และการละเล่นไทยทั้ง 4 ภาค แบบสนุกสนาน ด้วยการร่ายรำโชว์ศิลปะในแต่ละภาค ด้วยลีลาสุดอ่อนช้อย สลับฉากหลังอันยิ่งใหญ่ตระการตา และสวยงาม ร่วมกับเสียงเพลงและมัลติมีเดียล้ำสมัย เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมของประเทศไทยสู่สายตานานาชาติ

 

3.ไทยวิจิตร : THAI MIRACLE การแสดงความวิจิตรของศิลปะและวัฒนธรรมไทยผ่านมัลติมีเดีย และนักแสดง ด้วยการแสดง “โขน” ซึ่งถือเป็นสุดยอดศิลปะการแสดงชั้นสูงของไทย และเป็นมรดกโลก ที่ได้รับการรับรองโดยองค์การยูเนสโก

 

รวมถึงยังมีตัวแทนเยาวชนรุ่นใหม่ ที่ผ่านการคัดเลือกจากโครงการ Thailand Pavilion Ambassador จำนวน 25 คน จากผู้สมัครกว่า 500 คนทั่วประเทศ ซึ่งเป็นตัวแทนประเทศไทยไปเป็นเจ้าหน้าที่ประจำนิทรรศการของอาคารแสดงประเทศไทยอีกด้วย

 

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นล้อกับวันสำคัญของไทย อาทิ เทศกาลลอยกระทง ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-19 พฤศจิกายน 2564 เทศกาลสงกรานต์ วันที่ 23-31 มีนาคม 2565 นี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง