กองทัพเรือสหรัฐฯ ร่วมกับ MIT เปิดตัวเชื้อเพลิงไฮโดรเจนแบบพกพาสำหรับใช้ในสนามรบ
สำนักวิจัยกองทัพเรือสหรัฐฯ (ONR Global TechSolutions) จะเปิดรับปัญหาและแนวคิดจากทหาร โดยเฉพาะในแนวหน้าของการรบ เพื่อนำไปต่อยอดและวิจัยขีดความสามารถการรบของกองทัพ โดยในปีนี้ก็ได้มีการนำไอเดียที่ได้จากแนวหน้ามาเปิดตัวในงาน Modern Day Marine 2022 เมื่อวันที่ 10 - 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีเครื่องผลิตเชื้อเพลิงไฮโดรเจนสนามเป็นดาวเด่นในแวดวงสื่อทางการทหารจากทั่วโลก
โดรน เครื่องปั่นไฟ ตลอดจนถึงยานเกราะไร้คนขับ (Unmanned Ground Vehicle: UGV) ต่างก็ต้องการพลังงานไฟฟ้าในการออกปฏิบัติการ ที่ผ่านมานาวิกโยธินจะต้องลำเลียงเชื้อเพลิงเช่น น้ำมัน และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเป็นจำนวนมากเพื่อป้อนไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์การรบ แต่ก็ยังไม่เพียงพอให้ใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ได้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน การแก้ปัญหาที่ผ่านมาคือการขอการส่งกำลังบำรุงจากทางอากาศ (Airdrops) หรือการส่งกำลังบำรุงจากแนวหลัง
นาวิกโยธินในแนวหน้าจึงได้ร้องขอและเสนอแนวคิดกับ ONR ในการหาวิธีผลิตกระแสไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงด้วยวัสดุที่หาได้ง่ายตามแนวรบด้วยตัวเอง เพื่อลดความเสี่ยงจากการสูญเสียกำลังพลระหว่างคุ้มกันขบวนรถสนับสนุน (Convoys) หรือกำลังบำรุงทางอากาศ (Airdrops)
ONR จึงได้ร่วมมือกับเอ็มไอที (MIT) มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของโลกในการสร้างสิ่งที่เรียกว่า H-TaRP (Hydrogen Tactical Refueling Point) ตัวต้นแบบในการสร้างเชื้อเพลิงไฮโดรเจนโดยอาศัยเพียงอะลูมิเนียมและน้ำเป็นวัตถุดิบเท่านั้น ตัวต้นแบบดังกล่าวนั้นเรียบง่าย เพียงแค่ต้องการให้น้ำทำปฏิกิริยาเคมีกับอลูมิเนียมผ่านตัวควบคุมท่อนำปฏิกิริยา (Reactor Vessel) เพื่อกักเก็บก๊าซไฮโดรเจนแล้วสร้างเป็นเชื้อเพลิง
อลูมิเนียมนั้นเป็นสิ่งที่สามารถหาได้ในแนวรบจากเศษซากวัสดุหรือสิ่งปลูกสร้าง ส่วนน้ำที่ใช้นั้น H-TaRP รองรับน้ำจากทุกแหล่งและทุกประเภท ไม่เว้นแม้แต่ปัสสาวะ อีกทั้งน้ำที่ผ่านจากกระบวนการผลิตยังสามารถนำไปกรองและต้มดื่มในสนามรบได้เช่นกัน
ทางเอ็มไอที (MIT) ต้องการให้ตัวต้นแบบนั้นมีขนาดลดลงเป็นครึ่งหนึ่งในอนาคต เพื่อให้สามารถนำไปใช้งานได้จริง โดยงานต้นแบบในครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของกองทัพเรือสหรัฐฯที่ต้องการให้หน่วยรบนั้นมีขีดความสามารถที่เอาชนะข้าศึกได้ทั้งทางบกและทางน้ำ รวมถึงใช้เทคโนโลยีเพื่อรักษาชีวิตกำลังพลให้ได้มากที่สุดอีกด้วย
ที่มาข้อมูล defensenews.com
ที่มารูปภาพ กองทัพเรือสหรัฐ (USMC)