CHAYOทุ่มพันล.ซื้อหนี้ มั่นใจผลงานปี66ทะลุเป้า
CHAYO อวด 9 เดือนแรกปี 2566 ซื้อหนี้ใหม่เติมพอร์ตได้แล้วกว่า 8.5 พันล้านบาท ผ่านการใช้เงินเพียง 800 ล้านบาท พร้อมคาดในไตรมาส 4/2566 จะมีมูลหนี้ใหม่ออกประมูลอีกมูลค่ารวมกว่า 8-8.5 หมื่นล้านบาท เบื้องต้นคาดว่าจะได้เข้ามาเติมพอร์ตเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 3-4 พันล้านบาท ฟุ้งยังมีเงินเหลืออีกกว่าพันลานในมือ แย้มอยู่ระหว่างเจรจาสถาบัน 4-5 แห่ง มั่นใจผลงานปี 2566 ทะลุเป้า
นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม มาจนถึงเดือนกันยายน 2566 บริษัทสามารถซื้อมูลหนี้ใหม่เข้ามาบริหารในพอร์ตเพิ่มได้แล้วกว่า 3,300 ล้านบาท จากสิ้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาที่บริษัทได้มีการซื้อหนี้ใหม่มาเติมพอร์ตกว่า 5,200 ล้านบาท ส่งผลให้ 9 เดือนแรกปีนี้บริษัทมีมูลหนี้ใหม่แบบทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน ที่ซื้อเข้ามาเติมพอร์ตได้เพิ่มเป็น 8,500 ล้านบาท แล้ว ผ่านการใช้เงินลงทุนเพียง 800 ล้านบาท
*ลุยซื้อหนี้ใหม่
ส่งผลให้ในปัจจุบันบริษัทมีมูลหนี้ด้อยคุณภาพคงค้างในพอร์ต (หลังจากการตัดขายแล้ว) มีมูลค่ารวมอยู่ที่กว่า 87,000 ล้านบาทแล้ว แบ่งออกเป็นมูลกนี้ที่มีหลักประกัน 21,000 ล้านบาท และมูลหนี้ที่ไม่มีหลักประกันมากกว่า 66,000 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 2566 ที่คาดว่าจะทะลุ 100,000 ล้านบาท ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือนมกราคมมาจนถึงเดือนกันยายน 2566 มีมูลหนี้ไหลเข้าประมูลในระบบแล้วกว่า 200,000 ล้านบาท ซึ่งมีการประกาศผลไปแล้ว 160,000 ล้านบาท และยังคงเหลือรอประกาศผลอีก 40,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังคงว่าในช่วงเดือนตุลาคม ไปจนถึงเดือนธันวาคม 2566 จะมีมูลหนี้ใหม่จากสถาบันการเงินอีกหลายแห่งที่จะทยอยเข้าสู่ระบบอีกมูลค่ามากกว่า 80,000-85,000 ล้านบาท ที่นับว่าเป็นไตรมาสที่พีคสุดในปีนี้ ทำให้ประเมินว่าทั้งปี 2566 มูลหนี้ที่ไหลเข้าสู่ระบบและเปิดประมูลจะทุบสถิติสูงสุดถึงกว่า 280,000 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าที่บริษัทเคยคาดการณ์ไว้ว่าทั้งปีนี้จะมีมูลหนี้ในระบบอยู่ที่ประมาณ 250,000-260,000 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทยังคงมีเงินสดในมือรองรับการซื้อมูลหนี้ด้อยคุณภาพใหม่เข้ามาบริหารให้พอร์ตเพิ่มอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท มองว่ายังเพียงพอรองการซื้อหนี้ใหม่ได้เพิ่มเติมในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งก็คาดหวังว่าจะได้มูลหนี้ใหม่เข้ามาเพิ่มเติมอีกไม่น้อยกว่า 3,000-4,000 ล้านบาท เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ทั้งปีจะหามูลหนี้ใหม่เข้ามาเติมพอร์ตในปี 2566 นี้ ไม่น้อยกว่า 10,000-12,000 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ปัจจุบันบริษัทมีที่อยู่ระหว่างกับสถาบันการเงินอยู่ 4-5 แห่ง คาดว่าในช่วงเดือนตุลาคมนี้จะได้เห็นความชัดเจน 1 แห่ง
*ผลงานทะลุเป้า
ขณะที่การขายสินทรัพย์ (NPA) นั้น ตอนนี้ก็ยังคงได้รับความสนใจจากลูกค้าเข้ามาเจรจาหลายราย และมีการจำหน่ายสินทรัพย์ขนาดไม่ใหญ่ออกไปอยู่เรื่อยๆ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาการขายสินทรัพย์ในทำเลคู้บอน มูลค่าหลักร้อยล้านบาท และหากว่าไม่มีอะไรผิดพลาดก็อาจจะสามารถซื้อขายได้ในช่วงไตรมาส 4/2566 สำหรับเกาะยาวใหญ่เบื้องต้นคาดว่าจะเลื่อนการรับรู้รายได้ออกไปเป็นปี 2567 แทน
ส่วนธุรกิจปล่อยสินเชื่อนั้น ปัจจุบันพอร์ตมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 800 ล้านบาท แบ่งเป็นประเภทที่มีหลักประกัน 780 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกราว 12-20 ล้านบาท เป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน แต่อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่าด้วยแผนการรุกซื้อหนี้ด้อยมูลค่าเข้ามาเพิ่มจำนวนมากในปีนี้ ทำให้ต้องมีการแบ่งเงินจากการปล่อยสินเชื่อใหม่มาเติม ทำให้ยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ในปีนี้อาจไม่ได้เติบโตก้าวกระโดดนัก และพอร์ตคงค้างอาจไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ 1,000-1,200 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จากผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 ที่มีการเติบโตได้สูงกว่า 50% แล้ว ทำให้มองว่าทั้งปีจะทำได้ดีกว่าเป้าหมายที่วางไว้ไม้น้อยกว่า 25% แน่นอน และเชื่อว่าในปี 2567 อาจเห็นการเติบโตของผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป้นไม่น้อยกว่า 25-30% จากเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน ซึ่งการเติบโตดังกล่าวยังไม่นับรวมถึงรายได้ที่มาจากการจำหน่ายออกที่ดินบนเกาะยาวใหญ่