เลือกตั้งสหรัฐ 2020: แฮร์ริส-เพนซ์ โต้เดือดเรื่องสีผิวและโควิด-19
การโต้วาทีรอบแรกของผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่างนางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต และนายไมก์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ผู้เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน มีขึ้นที่หอประชุมของมหาวิทยาลัยยูทาห์ในช่วงเช้าวันนี้ (8 ต.ค.) ตามเวลาในไทย -BBCไทย
การโต้วาทีหรือดีเบตดังกล่าว ถือว่าเป็นการปะทะคารมในรอบของผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีซึ่งถูกจับตามองมากที่สุดครั้งหนึ่ง เนื่องจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และคนใกล้ชิด ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ จนทำให้เป็นห่วงกังวลกันว่าเขาจะปฏิบัติหน้าที่ผู้นำต่อไปได้อย่างเต็มที่หรือไม่ ในขณะที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังจะมีขึ้นในอีก 27 วันเท่านั้น
แฮร์ริสและเพนซ์โต้คารมกันอย่างดุเดือด โดยเริ่มต้นที่ประเด็นการระบาดหนักของโรคโควิด-19 ในประเทศที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่าสองแสนราย โดยแฮร์ริสกล่าวโจมตีรัฐบาลของทรัมป์ว่า "เป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ที่สุดในบรรดารัฐบาลของประธานาธิบดีที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ" ทั้งยังปกปิดข้อเท็จจริงที่ประชาชนควรจะได้รับทราบเกี่ยวกับโรคระบาดอีกด้วย
ในขณะที่เพนซ์กล่าวตอบโต้ว่า รัฐบาลของทรัมป์ประสบความสำเร็จในการคิดค้นและจัดเตรียมวัคซีนเพื่อนำออกยับยั้งการระบาดในเร็ว ๆ นี้ และขอให้พรรคเดโมแครตหยุดบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนด้วยการ "เล่นการเมือง" กับประเด็นการระบาดของโรคโควิด-19 เสียที
การถกเถียงยังครอบคลุมไปถึงประเด็นสำคัญอื่น ๆ เช่นความยุติธรรมระหว่างเชื้อชาติและสีผิว ซึ่งเพนซ์ได้ชี้ว่าความพยายามของแฮร์ริสและโจ ไบเดน ที่มักกล่าวหาว่าประเทศของตนมีการแบ่งแยกกีดกันอย่างเป็นระบบ
ส่วนผู้บังคับใช้กฎหมายก็มีอคติต่อชนกลุ่มน้อยนั้น เท่ากับว่าหมิ่นประมาทต่อบรรดาเจ้าหน้าที่ ซึ่งเขาและทรัมป์พร้อมที่จะยืนหยัดเคียงข้างเจ้าหน้าที่เหล่านี้ แม้จะรู้สึกเสียใจและเห็นอกเห็นใจอย่างยิ่งต่อผู้ตกเป็นเหยื่อของการแบ่งแยกกีดกันทางเชื้อชาติก็ตาม
เพนซ์ยังกล่าวด้วยว่า ภายใต้การบริหารงานของแฮร์ริสซึ่งเคยดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดของรัฐแคลิฟอร์เนีย คนผิวดำถูกตัดสินลงโทษด้วยความผิดฐานเกี่ยวข้องกับยาเสพติดมากกว่าคนผิวสีอื่น ๆ ทั้งที่เธอเป็นผู้สมัครซึ่งอาจได้ขึ้นดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีหญิงผิวดำและมีเชื้อสายเอเชียคนแรก
แต่ในเรื่องนี้แฮร์ริสแย้งว่า ฝ่ายประธานาธิบดีทรัมป์ต่างหากที่หลีกเลี่ยงไม่ยอมแสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการสนับสนุนคนผิวดำตลอดมา
สำหรับประเด็นทางเศรษฐกิจและการต่างประเทศ แฮร์ริสชี้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์ "พ่ายแพ้ในสงครามการค้า" ซึ่งก่อนหน้านี้ทรัมป์ใช้มาตรการทางเศรษฐกิจต่อสู้กับจีนหลายครั้ง แต่กลับทำให้ภาคอุตสาหกรรมและการผลิตของสหรัฐฯ ประสบภาวะถดถอยครั้งใหญ่ ซึ่งเรื่องนี้เพนซ์แย้งว่าไม่เป็นความจริง และตอบโต้ว่าโจ ไบเดนนั้น ไม่เคยต่อสู้ในสงครามการค้า แต่กลับเป็นผู้นำในการสนับสนุนเอาใจช่วยจีนมาหลายทศวรรษ
เพนซ์ยังชี้ถึงความสำเร็จของรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ ในการปราบปรามกลุ่มที่เรียกตนเองว่ารัฐอิสลามหรือไอเอส ในขณะที่แฮร์ริสแย้งว่านโยบายด้านความมั่นคงและการต่างประเทศของทรัมป์นั้น "ทรยศชาติที่เป็นพันธมิตร แต่กลับโอบอุ้มเผด็จการไปทั่วโลก"