ไฟเซอร์ตอกแรง! วัคซีนสำเร็จไม่เกี่ยว “ทรัมป์” ย้ำไม่เคยรับเงินโครงการรัฐบาล
ไฟเซอร์ตอกแรง! - วันที่ 10 พ.ย. อินดิเพนเดนต์ รายงานว่า ทีมพัฒนาวัคซีนของ บริษัท ไฟเซอร์ (Pfizer) บริษัทยายักษ์ใหญ่ในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ปฏิเสธว่าความสำเร็จในการพัฒนา วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือได้รับความช่วยเหลือใดๆ จากรัฐบาลของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ภายหลังจากไฟเซอร์แถลงเมื่อวันจันทร์ที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า วัคซีนป้องกันโควิด BNT-162b2 สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสมรณะในอาสาสมัครที่เข้าร่วมการทดลองได้สูงถึงร้อยละ 90
ต่อมานายไมก์ เพนซ์ รองประธานาธิบดี โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์เป็นครั้งแรกหลังศึกเลือกตั้งเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า “ข่าวใหญ่: ขอบคุณความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน ที่ผลักดันโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไฟเซอร์ประกาศว่าการทดสอบวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาของบริษัทมีประสิทธิภาพ ป้องกันการติดเชื้อในกลุ่มอาสาสมัครได้ 90%”
ขณะที่ นางนิกกี ฮาเลย์ อดีตผู้แทนสหรัฐประจำสหประชาชาติในสมัยของนายทรัมป์ กล่าวเช่นกันว่าขอบคุณนายทรัมป์ และว่านี่เป็นหนึ่งในงานสำคัญที่สุดที่รัฐบาลนายทรัมป์ทำเพื่อต่อสู้กับโรคระบาดครั้งใหญ่
ด้านดร.แคธริน แจนเซน หัวหน้าฝ่ายพัฒนาวัคซีนของไฟเซอร์ ให้สัมภาษณ์นิวยอร์กไทมส์ว่า “เราไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการวอร์ปสปีด... เราไม่เคยรับเงินใดๆ จากรัฐบาลสหรัฐหรือจากใครทั้งนั้น” ดร.แจนเซนระบุอีกว่าทราบผลการทดสอบจากผู้คณะผู้เชี่ยวชาญภายนอก หลังเวลา 13.00 น. ของวันอาทิตย์ที่ 8 พ.ย. และช่วงเวลาดังกล่าวไม่ได้รับอิทธิพลจากการเลือกตั้ง “เราพูดเสมอว่าวิทยาศาสตร์ขับเคลื่อนการกระทำของเรา - แต่ไม่ใช่ด้านการเมือง” ดร.แจนเซนกล่าวย้ำ
ก่อนหน้านี้ไฟเซอร์ซึ่งร่วมพัฒนาวัคซีนกับ บริษัท ไบโอเอ็นเทค (BioNTech) ในเยอรมนี ประกาศว่าวันสำคัญของวงการวิทยาศาสตร์และมนุษยชาติ หลังผลวิเคราะห์ขั้นแรกบ่งชี้ว่าวัคซีนชนิดแรกนี้สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 ได้มากถึงร้อยละ 90
ไฟเซอร์และไบออนเทคดำเนินการทดสอบวัคซีนกับอาสาสมัคร 43,538 คน ใน 6 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐ เยอรมนี บราซิล อาร์เจนตินา แอฟริกาใต้ และตุรกี ตั้งแต่เดือนก.ค. และยังไม่พบปัญหาด้านสุขภาพกับผู้ร่วม บริษัทจึงเตรียมยื่นขออนุมัติใช้วัคซีนเป็นการฉุกเฉินภายในเดือนพ.ย. โดยคาดว่าจะสามารถผลิตวัคซีนได้ 50 ล้านเข็มภายในปีนี้ และอีก 1,300 ล้านเข็มในปี 2564