รีเซต

ตะลึง! องค์บากมีอยู่จริง พระสมัยกรุงธนบุรีหุ้มทองคำแท้ ตบตาทัพพม่า

ตะลึง! องค์บากมีอยู่จริง พระสมัยกรุงธนบุรีหุ้มทองคำแท้ ตบตาทัพพม่า
TNN ช่อง16
16 ธันวาคม 2563 ( 13:38 )
747
ตะลึง! องค์บากมีอยู่จริง พระสมัยกรุงธนบุรีหุ้มทองคำแท้ ตบตาทัพพม่า

วันที่ 16 ธันวาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้รับการเปิดเผยจาก นายชนกฤษ์ ไชจันทร์ อายุ 69 ปี ไวยาวัชยากรและกรรมการ วัดจอมปราสาท และ นายนครชัย ลักษณะโต อายุ 56 ปี อดีตพระลูกวัด พร้อมด้วย พระอธิการนิพล กิตฺติสาโร เจ้าอาวาสวัดจอมปราสาทรูปปัจจุบัน ว่า พบพระพุทธรูปเนื้อทองคำแท้ อายุ กว่า 247 ปี ตั้งแต่ในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี ช่วงสงคราม 9 ทัพ ครั้งที่สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงยกทัพปราบข้าศึกทัพพม่าที่โคกกระต่าย ค่ายบางแก้ว เมืองราชบุรี ปี พ.ศ.2317 โดยชาวบ้านได้ปั้นด้วยปูนเป็นพระพุทธรูปห่อหุ้มทองคำไว้ เพื่อตบตาข้าศึกทัพพม่าไว้ ก่อนจะนำข้ามแม่น้ำแม่กลองมาเก็บรักษาไว้ที่บ้านคลองข่อย ปัจจุบันถูกเก็บรักษาไว้ภายในกรงเหล็กอย่างแน่นหนา ที่วัดจอมปราสาท ต.คลองข่อย อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ชาวบ้านเรียกพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวว่า “พระพุทธปราสาททองจอมมุนีนาถ (หลวงปู่ทอง)”


ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสเข้าไปสักการะและขออนุญาตในการถ่ายทำ “พระพุทธปราสาททองจอมมุนีนาถ (หลวงปู่ทอง)” โดยมีนายชนกฤษ์ ไชจันทร์ ไวยาวัชยากรและกรรมการ พร้อมด้วยพระลูกวัดซึ่งได้รับการอนุญาตจาก พระอธิการนิพล กิตฺติสาโร เจ้าอาวาสวัดจอมปราสาท นำกุญแจเข้าไปเปิดห้องซึ่งเป็นกุฎิของ พระครูสารกิตโกสน หรือ หลวงพ่อปรีชา โรดเกาะ อดีตเจ้าอาวาสและเจ้าคณะตำบลโพธารามเขต 1 ซึ่งเป็นที่เก็บรักษา “พระพุทธปราสาททองจอมมุนีนาถ (หลวงปู่ทอง)” หรือ พระทองคำแท้ เมื่อ เปิดประตูห้องเข้าไป ผู้สื่อข่าวถึงกับตะลึง ภายในห้องเสมือนไม่ได้ถูกเปิดมายาวนาน เนื่องจากพื้นมีฝุ่นทับถมอย่างหนาและมีหยากไย่เกาะอย่างหนาแน่น และที่กลางห้องพบเป็นห้องที่สร้างด้วยลูกกรงอย่างแน่นหนา ภายในมีกรงเหล็กอีก 2 ชั้นที่ถูกเชื่อมปิดตายภายในกรงเหล็กดังกล่าว มีพระพุทธรูปรูปลักษณ์เก่าแก่เนื้อสีดำลงลักษณ์ปิดทอง หรือ “พระพุทธปราสาททองจอมมุนีนาถ (หลวงปู่ทอง)” มีความสูงประมาณ 32 นิ้ว หรือ 80 เซนติเมตร หน้าตักประมาณ 24 นิ้ว หรือ 60 เซนติเมตร รูปทรงโตนั่งเอียงทางซ้าย พระพักตร์กลมใหญ่ หูยาว จมูกโด่งใหญ่ เกศาขดเป็นก้นหอยทรงกลมไม่มียอด เป็นพระพุทธรูปปางประทานธรรม เป็นพระพุทธรูปอิริยาบถนั่งสมาธิ พระหัตถ์ขวาวางคว่ำบนพระชานุ พระหัตถ์ซ้ายถือด้ามสำหรับเสียบตาลปัตร มีสภาพความสมบูรณ์ 80 เปอร์เซ็นต์ ที่ช่วงแขนซ้ายมีล่องรอยแตกกะเทาะเป็นชิ้น ช่วงฐานล่างซ้ายมีรอยแตกหักเป็นเนื้อปูนสีขาว

 

นายชนกฤษ์ ไชจันทร์ ไวยาวัชยากรและกรรมการ ได้ชี้จุดตำแหน่งที่พบว่าเนื้อในขององค์พระพุทธรูปเป็นทองคำ ซึ่งปรากฏตำแหน่งช่วงแขนด้านซ้ายตั้งแต่ช่วงหัวไหร่มาจนถึงข้อศอกหลุดออกมา ทำให้เห็นเนื้อในพบว่าเป็นทองคำ โดยให้ช่างจากร้านทองที่อำเภอโพธาราม มาทำการตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นทองคำแท้


ส่วนบรรยากาศโดยรอบห้องยังคงสภาพเมื่อครั้งที่พระครูสารกิตโกสน หรือ หลวงพ่อปรีชา โรดเกาะ อดีตเจ้าอาวาสและเจ้าคณะตำบลโพธารามเขต 1 ยังมีชีวิตอยู่ ก่อนจะมรณภาพเมื่อปี 2544 หรือ 19 ปีก่อน มีการตั้งโต๊ะหมู่บูชามีพระพุทธรูปเก่าแก่ และองค์พ่อปู่ฤๅษี และปรางค์ต่างๆ จำนวนมาก และมีหยากไย่เกาะทับเต็มไปด้วยฝุ่นอย่างแน่นหนาดูแล้วมีความขลัง และยังมีตู้เอกสารที่สร้างเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2522 และยังมีสภาพความสมบูรณ์ไม่มีการเคลื่อนย้ายหรือเข้ามาทำความอย่างไรภายหลังจาก หลวงพ่อปรีชา มรณภาพลง

 

ด้านนายนครชัย ลักษณะโต อดีตพระลูกวัด เปิดเผยว่า เมื่อครั้งที่ตนเองได้บวชอยู่ที่วัดจอมปราสาทนี้เมื่อปี 2526 ประมาณ 37 ปี ที่แล้ว ตนได้อยู่กับหลวงพ่อปรีชา และได้ทราบเรื่องราวของ “พระพุทธปราสาททองจอมมุนีนาถ (หลวงปู่ทอง)” หรือ หลวงพ่อทองคำ องค์นี้ จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ หลวงพ่อทองคำนี้เกิดมาในยุคที่มีฆ่าศึกพม่ามาโจมตีคนไทยได้หนีมาสุดที่แม่น้ำ ตอนนั้นได้นำทองคำมาด้วยและไม่รู้ว่าจะนำไปซุกไว้ที่ไหนจึงได้หล่อเป็นพระด้วยปูนหุ้มไว้ แล้วนำข้ามแม่น้ำแม่กลองมาไว้ที่วัดจอมปราสาทแห่งนี้ โดยที่ชาวบ้านไม่รู้เลยว่า พระพุทธรูปองค์นี้เป็นทองคำแท้ สมัยก่อนตามบ้านจะไม่มีพระพุทธรูปไว้ตามบ้าน เวลาชาวบ้านทำงานบุญจะมานำพระพุทธรูปองค์นี้ไปเป็นพระประธาน และจากความศักดิ์สิทธิ์เมื่อครั้งที่เกิดฝนแล้งชาวบ้านได้นำพระพุทธรูปองค์นี้ไปทำการแห่กลางทุ่งและนำไปไว้ที่กลางทุ่ง ได้เกิดฝนตกลงมาจริง ทำให้ชาวบ้านเกิดความศรัทธาต่อพระพุทธรูปองค์ดังกล่าว ต่อมาเมื่อมีงานครั้งใดชาวบ้านก็จะนำไปประกอบพิธีทุกครั้ง ซึ่งชาวบ้านก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะไม่รู้ว่ามีทองคำซ่อนอยู่ บางครั้งปล่อยท่านทิ้งตากแอดตากฝน จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุองค์พระกลิ้งตกกระแทกพื้นจนเนื้อปูนที่องค์ด้านซ้ายช่วงแขนกะเทาะหลุดออกมาเป็นชิ้น จนเห็นประกายทองขึ้นมา ทางพระเดชพระคุณหลวงพ่อปรีชาอดีตเจ้าอาวาสได้ไปตามช่างทองมาตรวจสอบและพบว่าเป็นทองคำแท้ และได้นำมาเก็บรักษาไว้ที่กุฏิของหลวงพ่อปรีชา อดีตเจ้าอาวาสก่อนที่จะมรณภาพ โดยให้ช่างมาทำกรงเหล็กครอบเอาไว้เพื่อป้องกันการโจรกรรมมาจนถึงปัจจุบัน และเรียกพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวว่า “พระพุทธปราสาททองจอมมุนีนาถ (หลวงปู่ทอง)”

 

จนปัจจุบันด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อทอง ทางเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันได้ร่วมกับคณะกรรมการวัดและชาวบ้านร่วมกันสร้าง “พระพุทธปราสาททองจอมมุนีนาถ (หลวงปู่ทอง)” องค์ใหญ่ ชื่อ สมเด็จพระศรีอริยเมตไตรย พระพุทธปราสาททองจอมมุนีนาถ (หลวงปู่ทอง ) องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่กลางพื้นที่ของวัดจอมปราสาท ต.คลองข่อย อ.โพธาราม จ.ราชบุรี หน้าตักกว้าง 9 เมตร 9 นิ้ว สูง 11 เมตร 19 นิ้ว เพื่อให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชา ปัจจุบันยังสร้างไม่แล้วเสร็จและยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างซึ่งต้องใช้ปัจจัยอีกว่า 10 ล้านบาท


เกาะติดข่าวที่นี่

website: www.TNNTHAILAND.com
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE

ข่าวที่เกี่ยวข้อง