รีเซต

เมื่อความเปราะบางถูกละเมิด บทเรียนราคาแพงจากกรณี "แบงค์ เลสเตอร์"

เมื่อความเปราะบางถูกละเมิด บทเรียนราคาแพงจากกรณี "แบงค์ เลสเตอร์"
TNN ช่อง16
27 ธันวาคม 2567 ( 12:27 )
22

เมื่อความเปราะบางถูกล่วงละเมิด: บทเรียนจากกรณี "แบงค์ เลสเตอร์"


"เด็กหนุ่มผู้มีฝันอยากเลี้ยงดูคุณยาย" - นี่คือภาพจำที่หลายคนมีต่อ "แบงค์ เลสเตอร์" หรือ นายธนาคาร คันธี วัย 21 ปี ที่โด่งดังจากคลิปแร็ปขายพวงมาลัยริมถนน จนมีผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียนับแสนคน แต่ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังรอยยิ้มและเสียงเพลงนั้น แบงค์เป็นผู้พิการทางสติปัญญาแต่กำเนิด จนกระทั่งโศกนาฏกรรมครั้งนี้เกิดขึ้น


ความจริงที่น่าสะเทือนใจถูกเปิดเผยโดยเพจ "สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว" ที่นำข้อมูลจากกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวง พม. มาเผยแพร่ว่าแบงค์เป็นผู้พิการทางสติปัญญาแต่กำเนิด ทำให้สังคมต้องหันมาทบทวนระบบการคุ้มครองผู้เปราะบางในสังคมไทย



กรอบกฎหมายกับการคุ้มครองผู้พิการทางสติปัญญา: มองผ่านกรณี "แบงค์ เลสเตอร์"


ระบบกฎหมายไทยให้ความคุ้มครองผู้พิการทางสติปัญญาเป็นพิเศษ โดยพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 มาตรา 19 บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำการล่วงละเมิดสิทธิคนพิการ หรือแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากคนพิการอันเป็นการขูดรีดหรือฉกฉวยผลประโยชน์จากคนพิการ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ยังมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 28 ที่ให้ความคุ้มครองบุคคลวิกลจริตที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ และมาตรา 32 ที่คุ้มครองบุคคลที่มีกายพิการหรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ




ประเด็นสำคัญในทางกฎหมายคือเรื่อง "ความสามารถในการให้ความยินยอม" (Legal Capacity to Consent) ในกรณีของผู้พิการทางสติปัญญา กฎหมายถือว่าบุคคลเหล่านี้อาจไม่สามารถเข้าใจผลของการกระทำหรือการตัดสินใจได้อย่างถ่องแท้ ดังนั้น แม้จะมีการแสดงเจตนายินยอม แต่หากพิสูจน์ได้ว่าบุคคลนั้นไม่สามารถเข้าใจผลของการกระทำได้อย่างแท้จริง ความยินยอมนั้นย่อมไม่มีผลทางกฎหมาย ซึ่งหลักการนี้ปรากฏในคำพิพากษาฎีกาหลายคดี โดยเฉพาะในคดีที่เกี่ยวกับการทำนิติกรรมสัญญาหรือการกระทำที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย


ยิ่งไปกว่านั้น พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 มาตรา 7 ยังกำหนดให้การบริการทางการแพทย์หรือสาธารณสุขที่เสี่ยงอันตรายหรือส่งผลกระทบต่อร่างกายของผู้ป่วย ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยก่อน โดยผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขต้องแจ้งข้อมูลที่เพียงพอและจำเป็นเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าใจผลที่อาจเกิดขึ้น หลักการนี้สามารถนำมาปรับใช้โดยอนุโลมกับกรณีของผู้พิการทางสติปัญญา ที่อาจต้องได้รับความคุ้มครองเป็นพิเศษจากการถูกชักจูงให้กระทำการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ


"ความนิยมในโลกออนไลน์" กลายเป็นดาบสองคมสำหรับแบงค์ ในขณะที่มันทำให้เขามีรายได้เลี้ยงครอบครัว แต่ก็อาจนำมาซึ่งความเสี่ยงในการถูกเอาเปรียบ สะท้อนให้เห็นว่าในยุคที่ "ยอดวิว" และ "ยอดไลค์" คือเป้าหมายหลัก บางครั้งเส้นแบ่งระหว่างความบันเทิงกับการละเมิดสิทธิก็บางเบาลงเรื่อยๆ


แม้กฎหมายจะมีบทลงโทษทั้งทางแพ่งและอาญาสำหรับผู้ที่เอาเปรียบผู้พิการ แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการป้องกัน สังคมต้องร่วมกันเป็น "เกราะป้องกัน" ให้กับผู้เปราะบาง ไม่ว่าจะเป็นการไม่สนับสนุนคอนเทนต์ที่เข้าข่ายละเมิดสิทธิ การรายงานเมื่อพบเห็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม หรือการให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิของผู้พิการ


การจากไปของแบงค์ได้ทิ้งคำถามสำคัญไว้กับสังคม: เราจะป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้ซ้ำได้อย่างไร? ทำอย่างไรให้กฎหมายที่มีอยู่สามารถคุ้มครองผู้เปราะบางได้อย่างมีประสิทธิภาพ? และที่สำคัญ เราจะสร้างสังคมที่ปลอดภัยสำหรับผู้พิการได้อย่างไร?


บทเรียนจากกรณีนี้ไม่ควรสูญเปล่า มันควรนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ ทั้งการปรับปรุงกลไกการคุ้มครองผู้พิการ การสร้างความตระหนักรู้ในสังคม และการพัฒนามาตรการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ เพราะสังคมที่แข็งแรงควรวัดจากการที่เราสามารถปกป้องสมาชิกที่เปราะบางที่สุดได้ดีเพียงใด ไม่ใช่แค่การนับ "ยอดวิว" หรือ "ยอดไลค์" บนโลกโซเชียล






อ้างอิงข้อมูลจาก:


พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 28 และมาตรา 32

พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550

ข้อมูลจากกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

รายงานข่าวจากเพจ "สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว" วันที่ 26 ธันวาคม 2567

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง