รีเซต

ทั่วโลกปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ธรรมชาติเริ่มอ่อนแรง

ทั่วโลกปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ธรรมชาติเริ่มอ่อนแรง
TNN ช่อง16
16 ตุลาคม 2568 ( 10:30 )
9

รายงานฉบับล่าสุดจาก องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization) ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันพุธที่ 15 ตุลาคม ระบุว่า ระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ในชั้นบรรยากาศโลก เพิ่มขึ้นแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ และอาจทำให้โลกเผชิญภาวะโลกร้อนรุนแรงขึ้น รวมถึงความถี่ของเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วเพิ่มมากกว่าเดิม


รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นก่อนการประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ (UN Climate Change Conference) ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนหน้า ณ ประเทศบราซิล โดยระบุว่า ในช่วงปี 2566–2567 ความเข้มข้นเฉลี่ยของคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 3.5 ส่วนในล้านส่วน (ppm) ซึ่งถือเป็นอัตราการเพิ่มสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 ที่เริ่มมีการวัดค่าด้วยเครื่องมือสมัยใหม่

สาเหตุหลักของการเพิ่มขึ้น มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลและการเกิดไฟป่าที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคอเมริกาใต้ ซึ่งส่งผลให้ปริมาณ CO₂ ในอากาศพุ่งสูงต่อเนื่อง WMO เตือนว่า แม้หลายประเทศจะพยายามลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ความพยายามในปัจจุบันยังไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งภาวะโลกร้อนให้อยู่ในระดับปลอดภัย


นอกจากคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว รายงานยังระบุว่า ก๊าซเรือนกระจกสำคัญอื่น ๆ เช่น มีเทน (CH₄) และไนตรัสออกไซด์ (N₂O) ก็แตะระดับสูงสุดเช่นกัน โดยเมื่อเทียบกับช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรม พบว่ามีเทนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 16 ไนตรัสออกไซด์เพิ่มขึ้น ร้อยละ 25 ส่วนคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นมากถึง ร้อยละ 52


รายงานชี้ว่า ปัจจุบัน “แหล่งดูดซับคาร์บอนตามธรรมชาติ (carbon sinks)” อย่างป่าไม้ แผ่นดิน และมหาสมุทร ยังสามารถดูดซับคาร์บอนได้ประมาณครึ่งหนึ่งของปริมาณที่มนุษย์ปล่อยออกมา แต่ ความสามารถของระบบธรรมชาติเหล่านี้กำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผลกระทบจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นและความแห้งแล้ง

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ป่าแอมะซอน ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะอากาศร้อนจัดและฝนที่ลดลงในช่วงปรากฏการณ์ เอลนีโญ (El Niño) ปี 2566 ส่งผลให้ต้นไม้จำนวนมากอยู่ในภาวะเครียดและการดูดซับคาร์บอนลดลง ขณะที่ภัยแล้งได้ยืดเยื้อเข้าสู่ปี 2567 ยิ่งทำให้ระบบนิเวศอ่อนแอลง


WMO ระบุว่า สัญญาณเหล่านี้สะท้อนชัดว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของมนุษย์ยังคงเดินหน้าในทิศทางอันตราย และหากไม่มีการดำเนินการอย่างจริงจังในทศวรรษนี้ โลกอาจเข้าใกล้ “จุดไม่อาจหวนกลับ (tipping point)” ซึ่งจะทำให้การควบคุมภาวะโลกร้อนในอนาคตยิ่งยากขึ้นกว่าเดิม

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง