รีเซต

โลกร้อนกระทบวิ่งมาราธอนโลก นักวิจัยชี้อุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้น จะทำสถิติโลกใหม่ยากขึ้นทุกปี

โลกร้อนกระทบวิ่งมาราธอนโลก  นักวิจัยชี้อุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้น  จะทำสถิติโลกใหม่ยากขึ้นทุกปี
TNN ช่อง16
22 ธันวาคม 2568 ( 11:30 )
10

รายงานฉบับใหม่ของ Climate Central เผยว่า ภาวะโลกร้อนกำลังทำให้ “เงื่อนไขอากาศที่เหมาะสมต่อการทำลายสถิติ” ของการแข่งขันมาราธอนลดน้อยลงเรื่อย ๆ โดยจากการวิเคราะห์งานมาราธอน 221 รายการทั่วโลก พบว่า ร้อยละ 86 ของการแข่งขันเหล่านี้ จะมีแนวโน้มเผชิญสภาพอากาศที่ไม่เอื้อต่อการทำเวลา ภายในปี พ.ศ. 2588

รายการที่อยู่ในข่ายนี้รวมถึง มาราธอนนิวยอร์ก, ลอนดอน, เบอร์ลิน, โตเกียว, ชิคาโก, บอสตัน และ ซิดนีย์ ซึ่งเป็น 7 รายการหลักของโลก

การวิ่งในอากาศร้อนจัดอาจเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อร่างกาย นักวิ่งระยะไกลชาวสกอตแลนด์ “แมร์รี แม็คลีแนน” เปิดเผยว่า เธอเคยเห็นนักกีฬาหลายคนหมดสติกลางสนามเพราะขาดน้ำและเป็นลมแดด ซึ่งต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะฟื้นตัวได้เต็มที่

เธอกล่าวว่า ความร้อนส่งผลโดยตรงต่อความหนืดของเลือด การฟื้นตัวของร่างกาย และระดับน้ำในร่างกายต่อเนื่องหลายวัน อีกทั้งยังกระทบต่อประสิทธิภาพการฝึกซ้อม ซึ่งอาจทำให้เป้าหมายในอนาคตต้องล่าช้าออกไป

จากข้อมูลของการศึกษา พบว่า “อุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุด” สำหรับการวิ่งมาราธอนคือ 4 องศาเซลเซียสสำหรับนักวิ่งชายระดับโลก และ 9 องศาเซลเซียสสำหรับนักวิ่งหญิงระดับโลก อย่างไรก็ตาม แนวโน้มในอนาคตกลับสวนทางกับค่าที่เหมาะสมนี้ ตัวอย่างเช่น มาราธอนโตเกียวในปีนี้ มีโอกาสอุณหภูมิเหมาะสม 69% แต่ภายใน 20 ปีข้างหน้า จะลดเหลือเพียง 57% ส่วนมาราธอนบอสตันจะลดจาก 61% เหลือ 53% และลอนดอนลดจาก 22% เหลือเพียง 17%

สำหรับนักวิ่งหญิง โอกาสในการเจอสภาพอากาศที่เหมาะสมจะลดลงใน 5 จาก 7 รายการหลัก โดยมาราธอนซิดนีย์และเบอร์ลินจะลดลงมากที่สุด คือ ราว 10–11% ภายในปี พ.ศ. 2588

ข้อมูลจากหน่วยงานติดตามสภาพภูมิอากาศ โคเปอร์นิคัส (Copernicus) ระบุว่า ปี พ.ศ. 2567 เป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ โดยอุณหภูมิโลกเฉลี่ยสูงกว่า “ยุคก่อนอุตสาหกรรม” ถึง 1.6 องศาเซลเซียส และยังทำลายสถิติเดิมของปี พ.ศ. 2566 อีกด้วย

ในการแข่งขัน “เบอร์ลินมาราธอน” เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา อุณหภูมิสูงถึง 24 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าร้อนผิดปกติสำหรับช่วงเวลานั้น ขณะที่มาราธอนที่ โตเกียว และ ลอนดอน ก็อยู่ในระดับเกิน 20 องศาเซลเซียส

ผู้จัดการแข่งขันเบอร์ลินได้ออกประกาศเตือนล่วงหน้าให้นักวิ่งหลีกเลี่ยงการไล่ทำสถิติส่วนตัว และให้ “มุ่งเน้นการวิ่งอย่างปลอดภัยพร้อมซึมซับบรรยากาศของสนามแทน” พร้อมคำแนะนำด้านการดื่มน้ำ การระบายความร้อน การเลือกเสื้อผ้า และการฟื้นตัวหลังการแข่งขัน

นักวิ่งหญิงชาวสกอตแลนด์รายนี้ ซึ่งเคยเข้าเส้นชัยในลอนดอนมาราธอนปี พ.ศ. 2567 ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 29 นาที 15 วินาที กล่าวว่าความร้อนในปีนี้ “รุนแรงจนเกินระดับสมรรถนะสูงสุดของร่างกายมนุษย์” และชี้ว่ากีฬามาราธอนซึ่งเป็นธุรกิจใหญ่ที่สร้างรายได้จากผู้ชมและผู้สนับสนุน อาจได้รับผลกระทบโดยตรงหากอุณหภูมิสูงเกินไปจนทำลายคุณภาพของการแข่งขัน

นักวิ่งในประเทศที่มีอากาศหนาวเย็น เช่น สกอตแลนด์ มักจะปรับตัวได้ยากเมื่อต้องแข่งขันในอากาศร้อน “แม็คลีแนน” อธิบายว่า นักกีฬาระดับโลกต้องฝึกปรับตัวด้วยการเข้าแคมป์ฝึกในสภาพอากาศร้อน เข้าซาวน่าหรืออาบน้ำร้อนหลังซ้อม เพื่อให้ร่างกายคงอุณหภูมิสูงและสร้างความทนทาน

แม้การแข่งขัน “มาราธอนนิวยอร์ก” ปีนี้จะมีสภาพอากาศเย็นลงหลังฝนตกหนักและน้ำท่วมก่อนวันแข่ง ทำให้ผู้ร่วมงานกว่า 55,000 คนสามารถวิ่งได้อย่างปลอดภัย แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากการแข่งขันมาราธอนยังคงจัดในฤดูที่มีอากาศอบอุ่นเช่นปัจจุบัน การวางตารางอาจกลายเป็นปัญหาสำคัญในอนาคต

“แอนดรูว์ เพอร์ชิง” หัวหน้าทีมวิทยาศาสตร์ของ Climate Central อธิบายว่า ปกติ มาราธอนในซีกโลกเหนือจะจัดในฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วง เพราะอุณหภูมิกำลังดี เหมาะกับการทำสถิติ แต่เมื่อภูมิอากาศโดยรวมอุ่นขึ้น “สัปดาห์ที่เคยมีอากาศดีจะเลื่อนไปเรื่อย ๆ ทุกปี” ทำให้สภาพเหมาะสมเหล่านั้นหายากขึ้นเรื่อย ๆ

หนึ่งในทางออกที่เป็นไปได้คือ “การเลื่อนเวลาเริ่มแข่งให้เช้าขึ้น” เพื่อหลีกเลี่ยงความร้อน อย่างเช่นการแข่งขันมาราธอนในศึก กรีฑาชิงแชมป์โลกที่โดฮา ปี พ.ศ. 2562 ซึ่งต้องจัดแข่งตอนเที่ยงคืนเพื่อลดอุณหภูมิ แต่แม้จะจัดกลางดึก อุณหภูมิก็ยังสูงถึง 31 องศาเซลเซียส และมีความชื้นมากถึง 77%

นักกีฬามักไม่มีทางเลือกว่าจะลงแข่งขันเมื่อใด โดยเฉพาะรายการใหญ่อย่างมาราธอนระดับโลกหรือโอลิมปิก ซึ่งจัดตามกำหนดตายตัว “แม็คลีแนน” ระบุว่า การแข่งขัน “โอลิมปิก ลอสแอนเจลิส” ปี พ.ศ. 2571 อาจต้องใช้มาตรการปรับตัวเข้ากับอากาศร้อนอย่างเข้มข้น เช่นเดียวกับทุกสนามที่มีอุณหภูมิต่างจากสภาพการฝึกซ้อมปกติ

ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สถิติโลกมาราธอนทั้งชายและหญิงถูกทำลายหลายครั้ง โดยได้รับแรงหนุนจากเทคโนโลยีรองเท้ารุ่นใหม่ อย่างฝั่งหญิง “รูธ เชปเกนเกติก” ทำสถิติ 2 ชั่วโมง 9 นาที 56 วินาที ที่ชิคาโกในปี พ.ศ. 2567 และฝั่งชาย “เคลวิน คิพตัม” ทำเวลา 2 ชั่วโมง 0 นาที 35 วินาที ในปี พ.ศ. 2566 ที่ชิคาโกเช่นกันแต่ในอนาคต เมื่อโลกเข้าสู่ยุคอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ ผู้เชี่ยวชาญและนักกีฬาต่างคาดว่า “สถิติใหม่” อาจเกิดขึ้นได้ยากกว่าเดิม

รายงานของ Climate Central สรุปว่า สภาพอากาศที่เลวร้ายลงจะลดโอกาสในการสร้างสถิติของนักวิ่ง โดยเฉพาะในกลุ่มนักกีฬาหญิง และอาจกระทบต่อ “คุณภาพของการแข่งขัน” โดยรวม ซึ่งเท่ากับว่า ภาวะโลกร้อนกำลังเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับวงการมาราธอนโลกเลยก็เป็นได้

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง