หลุมดำ "สงครามราคา ถึง สงครามต้นทุน" ฉุดธุรกิจปีหน้าไปไม่รอด

ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าการแข่งขันในภาคธุรกิจทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และหลายธุรกิจนำกลยุทธ์ราคามาใช้ เพื่อหวังแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด ขณะเดียวกัน คู่แข่งมักจะถูกบังคับให้ต้องลดราคาแข่งขันตามไปด้วย
โดยสงครามราคา แม้จะทำให้มียอดขายสินค้าเพิ่มขึ้น แต่สินค้าจะขายได้ในราคาต่ำลง ทำให้ได้กำไรลดลง และอาจส่งผลเสียต่อความอยู่รอดในระยะยาว ส่วนบริษัทที่มีทุนน้อยกว่าก็อาจถึงขั้นล้มละลายได้เลย
อย่างไรก็ตาม ส่วนที่ดีในสงครามราคา ก็คือผู้บริโภคจะสามารถซื้อสินค้าในราคาที่ต่ำลง สินค้าบางรายการที่ปกติราคาจะเกินเอื้อม ก็จะสามารถเข้าถึงได้ดีขึ้น แต่หากดูในระยะยาว จะทำให้ผู้บริโภคเหลือทางเลือกน้อยลง และผู้ชนะในการแข่งขันจะมีอำนาจในการกำหนดราคาได้มากขึ้น
สำหรับในประเทศไทย สงครามราคาเกิดขึ้นในหลายกลุ่มธุรกิจ เช่น ธุรกิจขนส่งพัสดุ เนื่องจากการค้าออนไลน์เติบโตขึ้นอย่างมาก ในช่วงหลังโควิด 19 ระบาด ทำให้ความต้องการในการขนส่งพัสดุพุ่งสูงขึ้น ประกอบกับมีผู้ให้บริการขนส่งพัสดุเพิ่มขึ้นมากกว่า 10 ราย เข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดที่กำลังขยายตัว ผู้นำตลาดในขณะนั้น เช่น ไปรษณีย์ไทย, Kerry Express ที่ปัจจุบันคือ KEX, Flash Express และ J&T Express เป็นต้น
แต่การแข่งขันที่รุนแรงในการหั่นค่าบริการขนส่ง ทำให้ผู้เล่นในตลาดนี้ลดลง เช่น SCG Express ที่ประกาศยุติกิจการไปในช่วงปลายปี 2567 และบางราย เช่น เคอีเอ็กซ์ อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่
ขณะที่ อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นตัวอย่างของสงครามราคาที่เด่นชัดที่สุดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีคู่แข่งขันจำนวนมาก โดยเฉพาะแบรนด์จีน ไม่ว่าจะเป็น บีวายดี, เอ็มจี, เกรทวอลล์ มอเตอร์, ฉางอาน, เนต้า และอื่น ๆ ประกอบกับนโยบายส่งเสริม อีวี จากภาครัฐ ทำให้มีการผลิตและนำเข้ารถอีวีจำนวนมาก
แต่ขณะเดียวกัน ยอดขายกลับชะลอตัวทำให้ค่ายรถยนต์ โดยเฉพาะแบรนด์จีนที่เข้ามาทำตลาดต้องลดราคา อย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงยอดขาย จนทำให้การแข่งขันทวีความรุนแรงมากขึ้น
สำหรับ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ อาจจะไม่ใช่สงครามราคาระหว่างแบรนด์ไทยด้วยกัน แต่แบรนด์ไทยกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากสินค้านำเข้าราคาถูกจากต่างประเทศ ผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ ทำให้สินค้าในประเทศหลายรายการต้องเผชิญกับการแข่งขันด้านราคาอย่างหนัก ซึ่งในสงครามนี้กระทบต่อภาคธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจรายย่อยโดยตรง
และในธุรกิจร้านอาหาร ช่วงปีที่ผ่านมา ดุเดือดที่สุด เห็นจะเป็น สงครามหม้อสุกี้ เป็นศึกระหว่าง เอ็มเค สุกี้ และ สุกี้ ตี๋น้อย ดำเนินการมาต่อเนื่องแบบไม่มีใครยอมใคร ปัจจุบัน เอ็มเค ส่งแบรนด์ใหม่อย่าง โบนัส สุกี้ เพื่อชนกับ สุกี้ ตี๋น้อย โดยตรง ส่วนตี๋น้อยเอง ก็มี ตี๋น้อย โกลด์ เพื่อชนกับ เอ็มเค โดยตรง เช่นกัน ถือเป็นสมรภูมิที่น่าจับตายิ่งขึ้นในปีหน้า
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ปัจจัยทางเศรษฐกิจ และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง ถือเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก ขณะเดียวกันคู่แข่งในตลาดมีจำนวนมากขึ้น จนทำให้เกิดการแข่งขันและสงครามราคาที่รุนแรง
ผศ.ดร.เอกก์ ภทรธนกุล หัวหน้าภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกอีกว่า หากผู้ประกอบธุรกิจ ยังเลือกที่จะอยู่สงครามราคาต่อไป และการแข่งขันที่ไม่หยุดยั้ง จากสงครามราคา อาจกลายเป็นสงครามต้นทุน กำไรในธุรกิจจะไม่เหลืออะไร จนขาดทุนได้ และสุดท้ายคือเสี่ยงต่อความสามารถในการดำเนินธุรกิจ แนะนำว่า ผู้ประกอบธุรกิจไม่ควรอยู่ในสมรภูมิเดียว แต่หากยังจำเป็นต้องแข่งขัน ควรมองหาโอกาสในการจับตลาดใหม่ ๆ เพื่อลดความเสี่ยงของตนเอง
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
