รีเซต

งานวิจัยเตือนก๊าซคาร์บอนฯ กำลังเปลี่ยนโฉมอาหารโลก ให้พลังงานมากขึ้นแต่สารอาหารลดลง

งานวิจัยเตือนก๊าซคาร์บอนฯ  กำลังเปลี่ยนโฉมอาหารโลก  ให้พลังงานมากขึ้นแต่สารอาหารลดลง
TNN ช่อง16
22 ธันวาคม 2568 ( 13:00 )
6

งานวิจัยล่าสุดชี้ว่า การเพิ่มขึ้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ในบรรยากาศ ไม่เพียงทำให้พืชผลทางการเกษตรเติบโตเร็วและให้พลังงานสูงขึ้นเท่านั้น แต่กลับทำให้ “คุณค่าทางโภชนาการลดลง” และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของโลหะหนักในอาหาร โดยนักวิจัยพบการเปลี่ยนแปลงของสารอาหารในพืชอย่าง “น่าตกใจ” ทั้งการลดลงของแร่ธาตุจำเป็นอย่างสังกะสี และการเพิ่มขึ้นของตะกั่ว

งานวิจัยนี้นำโดย “สเตอร์เร เทอร์ ฮาร์” อาจารย์จากมหาวิทยาลัยไลเดน ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งร่วมกับทีมวิจัยพัฒนาวิธีการใหม่ในการเปรียบเทียบข้อมูลจากงานศึกษาจำนวนมากเกี่ยวกับการตอบสนองของพืชต่อระดับ CO₂ ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยผลลัพธ์ที่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับนักวิทยาศาสตร์อย่างมาก

“เทอร์ ฮาร์” ระบุว่า แม้ผลผลิตทางการเกษตรจะเพิ่มขึ้นภายใต้ระดับ CO₂ ที่สูงขึ้น แต่อาหารกลับมีความเข้มข้นของสารอาหารลดลงอย่างชัดเจน

“การได้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงทางโภชนาการรุนแรงเพียงใด และแตกต่างกันไปในพืชแต่ละชนิด เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก” เธอกล่าว พร้อมเสริมว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่การเจือจางของสารอาหาร แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของอาหารอย่างแท้จริง ซึ่งทำให้เราต้องตั้งคำถามว่า ควรปรับเปลี่ยนอาหาร วิธีการเพาะปลูก หรือการผลิตอาหารในอนาคตหรือไม่”

แม้นักวิทยาศาสตร์จะศึกษาผลกระทบของ CO₂ ต่อพืชมาเป็นเวลานานกว่าทศวรรษ แต่ข้อมูลจากงานวิจัยก่อนหน้ามักเปรียบเทียบกันได้ยาก งานวิจัยใหม่นี้จึงกำหนด “ค่าฐาน” ที่ระดับ CO₂ 350 ส่วนในล้านส่วน (ppm) ซึ่งมักถูกเรียกว่าเป็นระดับ “ปลอดภัย” ในอดีต และนำไปเปรียบเทียบกับระดับ 550 ppm ซึ่งนักวิทยาศาสตร์บางส่วนคาดว่าอาจเกิดขึ้นราวปี พ.ศ. 2608 

การวิเคราะห์ข้อมูลกว่า 60,000 ค่า ครอบคลุมสารอาหาร 32 ชนิด และพืชอาหาร 43 ชนิด รวมถึงข้าว มันฝรั่ง มะเขือเทศ และข้าวสาลี พบว่า สารอาหารส่วนใหญ่มีแนวโน้มลดลง โดยเฉลี่ยราว ร้อยละ 3.2 เมื่อระดับ CO₂ เพิ่มขึ้น

ผลที่น่ากังวลเป็นพิเศษคือ สังกะสีในถั่วลูกไก่อาจลดลงสูงถึง ร้อยละ 37.5 ขณะที่พืชอาหารหลักอย่างข้าวและข้าวสาลี มีการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของโปรตีน สังกะสี และธาตุเหล็ก นักวิจัยเตือนว่า แนวโน้มดังกล่าวอาจนำไปสู่ผลกระทบด้านสุขภาพอย่างรุนแรง โดยเฉพาะภาวะที่เรียกว่า “ความหิวซ่อนเร้น” (hidden hunger) ซึ่งประชากรได้รับพลังงานเพียงพอจากอาหาร แต่ขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย

รายงานยังระบุว่า ปัจจุบันระดับ CO₂ ในบรรยากาศโลกเพิ่มขึ้นถึง 425.2 ppm แล้ว ซึ่งส่งผลให้คุณค่าทางโภชนาการของพืชเริ่มลดลงไปแล้วในปัจจุบัน

งานศึกษานี้เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับผลกระทบของวิกฤตสภาพภูมิอากาศต่อความมั่นคงทางอาหาร ไม่เพียงในพื้นที่เกษตรกลางแจ้ง แต่รวมถึงระบบเกษตรแบบควบคุมด้วย

ผู้เชี่ยวชาญรายอื่น ๆ ให้การตอบรับงานวิจัยนี้ โดยมองว่าเป็นฐานข้อมูลสำคัญสำหรับการศึกษาในอนาคต “คอร์ทนีย์ ไลส์เนอร์” อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียเทค สหรัฐฯ ระบุว่า งานวิจัยดังกล่าวช่วยให้เข้าใจว่า สภาพแวดล้อมส่งผลต่อคุณภาพทางโภชนาการของพืชอย่างไร ซึ่งมีความสำคัญต่อความมั่นคงทางอาหารในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยย้ำว่า CO₂ ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่กำหนดคุณค่าทางอาหารของพืช ยังมีปัจจัยอื่น เช่น การใช้ปุ๋ยและแนวปฏิบัติทางการเกษตร ซึ่งต้องนำมาพิจารณาร่วมกัน และจำเป็นต้องมีการทดลองเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาพันธุ์พืชที่สามารถรักษาระดับสารอาหารได้ภายใต้สภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง

เทอร์ ฮาร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า งานวิจัยนี้ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อสร้างความตื่นตระหนก “การยอมรับว่ามีปัญหา คือก้าวแรกของการแก้ไข และเราหวังว่างานศึกษานี้จะเป็นหนึ่งในชิ้นส่วนสำคัญของภาพใหญ่ในการรับมือกับวิกฤตอาหารและสภาพภูมิอากาศในอนาคต”

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง