รีเซต

SAWAD โชว์ Q3/63 กำไร 1.2 พันลบ.,โบรกเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ จากธุรกิจมีแนวโน้มโตดี

SAWAD โชว์ Q3/63 กำไร 1.2 พันลบ.,โบรกเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ จากธุรกิจมีแนวโน้มโตดี
ทันหุ้น
16 พฤศจิกายน 2563 ( 10:51 )
167
SAWAD โชว์ Q3/63 กำไร 1.2 พันลบ.,โบรกเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ จากธุรกิจมีแนวโน้มโตดี

ทันหุ้น - “ศรีสวัสดิ์” โชว์แกร่งไตรมาส 3/63 กำไรสุทธิ 1.2 พันล้านบาท รายได้ดอกเบี้ยเฉียด 2 พันล้าน หลังพอร์ตลูกหนี้เติบโตแตะระดับ 4 หมื่นล้าน ขณะที่ค่านายหน้าประกันหนุนรายได้อื่นๆ โต 16% ชูนโยบายปล่อยกู้ระมัดระวัง-ดูแลลูกค้าใกล้ชิด-คุมเข้มเอ็นพีแอล ฟากโบรกมองกำไร Q3/63 ดีกว่าที่ตลาดคาด หนุนด้วยค่าขายประกันและโอนกลับสำรอง แนวโน้ม Q4/63 อาจผ่อนลงบ้าง แต่ยังโต YoY จากฐานเงินสำรองที่ต่ำลง เพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ ธุรกิจมีแนวโน้มโตดี และความเสี่ยงด้านกฎระเบียบต่ำลง

 

นางสาวดวงใจ แก้วบุตตา กรรมการผู้จัดการบริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)หรือ SAWAD เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2563 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 1,283.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 276.66 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 27.49% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2562  ที่มีกำไรสุทธิ 1,006.53 ล้านบาท  

 

สำหรับรายได้รวมของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 3/2563 ยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง  โดยมีรายได้ดอกเบี้ย  1,957.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.02 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 2.51% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2562 ที่มีรายได้ดอกเบี้ย 1,909.93 ล้านบาท  ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของพอร์ตลูกหนี้จาก 36,644.27 ล้านบาท ในช่วงสิ้นสุดไตรมาส 3/2562 เป็น 40,771.34 ล้านบาท ในช่วงสิ้นสุดไตรมาส 3/2563  คิดเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้น 11.26% ทั้งนี้การเติบโตของพอร์ตลูกหนี้มาจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องตามนโยบายของกลุ่มบริษัท โดยล่าสุดอยู่ที่จำนวน 4,660 สาขา 

 

ขณะที่มีรายได้อื่น 733.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101.57 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 16.08 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2562 ที่มีรายได้อื่น 631.67 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่านายหน้าประกัน 

 

“การเติบโตของพอร์ตสินเชื่อมาจากการขยายสาขาต่อเนื่อง ตามนโยบายของกลุ่มศรีสวัสดิ์จากสิ้นปี 2562 มีจำนวน 4,080 สาขา เพิ่มเป็น 4,660 สาขา ในปัจจุบัน และปีหน้าคาดว่าจะมีการขยายสาขาครอบคลุมทั่วทั้งประเทศจำนวน 5,000 สาขา เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่ต้องการใช้สินเชื่อ” นางสาวดวงใจ กล่าว

 

**แนวโน้ม Q4/63 โตต่อเนื่อง

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2563 ยังมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง โดยกลุ่มศรีสวัสดิ์ จะเน้นการปล่อยสินเชื่อด้วยความระมัดระวัง ดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด รวมทั้งการควบคลุมตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม จากงวดไตรมาส3/2563 บริษัทมีเอ็นพีแอล 4.19% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีเอ็นพีแอล 4.31%  อย่างไรก็ตามในส่วนการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญนั้น ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการตั้งสำรองในอัตราที่เกินมาตรฐานกำหนดอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้มีปัญหาเรื่องดังกล่าว

 

ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ผ่อนคลายลงค่อนข้างมาก หลังจากที่มีกระแสข่าวระบุว่าจะสามารถผลิตวัคซีนป้องกันได้ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งทางกลุ่มศรีสวัสดิ์ก็เตรียมความพร้อมในการรุกธุรกิจอย่างเต็มที่ ซึ่งคาดว่าต้นปีหน้าจะมีความชัดเจนมากขึ้น

 

“ที่ผ่านมา แม้สภาพเศรษฐกิจโดยรวมจะได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 แต่กลุ่มศรีสวัสดิ์ได้รับผลกระทบน้อยมากเพราะมีฐานลูกค้ากระจายไปทั่วประเทศ และกลุ่มลูกค้ายังมีความจำเป็นในการใช้สินเชื่อสูง และตอนนี้ทุกอย่างก็คลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งเราก็มีความพร้อมเต็มที่ ทั้งด้านเงินทุน ด้านสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศ” นางสาวดวงใจ 

 

**โบรกฯ เพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ เคาะเป้า 63.50 บ.

ด้าน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ส่อง SAWAD รายงานกำไรสุทธิ Q3/63 จำนวน 1,204 ลบ. เพิ่มขึ้น 27.1%YoY และฟื้นตัวขึ้น 22.6%QoQ ดีกว่าที่ตลาดคาด โดยแม้มีแรงกดดันจากรายได้ดอกรับสุทธิที่ลดลง 5.9%QoQ หลัง Asset Yield ของบริษัทลดลงเหลือ 18.7% จาก 19.8% ใน Q2/63 กดดัน NIM ให้ปรับตัวลงตาม เบื้องต้นคาดเกิดจากการปรับลดสัดส่วนสินเชื่อที่ปล่อยผ่าน BFIT และหันกลับมาเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อผ่านพอร์ตของ S2014 ซึ่งให้ Yield ที่ต่ำกว่า 

 

อย่างไรก็ดีปัจจัยลบดังกล่าวถูกหักล้างลงด้วย 1) รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยปรับตัวขึ้น 30.1%QoQ โดยหลักมาจากค่าธรรมเนียมขายประกันภัยให้กับพันธมิตรที่ฟื้นตัวได้ดี สอดคล้องไปกับพอร์ตสินเชื่อขยายตัวดีขึ้น 2) Cost to Income Ratio ปรับลดลงเหลือ 39% จาก 41.1% ใน Q2/63 สะท้อนความสามารถในการสร้างรายได้ที่มากกว่าค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และ 3) บริษัทบันทึกรายการโอนกลับเงินตั้งสำรองจำนวน 97 ลบ. สอดคล้องกับสัดส่วนลูกหนี้ Stage 2 ที่ลดลงจาก 39.6% ใน Q2/63 เหลือ 37.9% ทำให้การตั้งสำรองตาม ECL Model ลดต่ำลง 

 

ส่วนของคุณภาพสินทรัพย์ จาก NPL Ratio ปรับขึ้นเล็กน้อยเป็น 4.2% จาก 3.9% ใน Q2/63 และผลของการโอนกลับเงินตั้งสำรอง ทำให้ Coverage Ratio ของ SAWAD ปรับลงจาก 93.3% ใน Q2/63 เหลือ 74.8% ซึ่งเป็นระดับที่บริษัทมองว่าเพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงทาง ศก. ได้ (สินเชื่อส่วนใหญ่ของ    SAWAD เป็นสินเชื่อมีหลักประกัน ทำให้มี Loss Given Default ต่ำกว่า Non-Bank ที่ให้สินเชื่อไม่มีหลักประกัน การตั้งสำรองตาม ECL Model จึงค่อนข้างต่ำ) 

 

แนวโน้ม Q4/63 อาจผ่อนลงบ้าง แต่ยังโต YoY จากฐานเงินสำรองที่ต่ำลง สำหรับกำไร 9M63 คิดเป็น 75.8% ของประมาณการทั้งปี และยังคงประมาณการเดิม โดยคาดกำไรใน Q4/63 จะลดลง QoQ เนื่องจากไม่มีการโอนกลับสำรองเหมือน Q3/63 แต่ยังโต YoY จากฐานของลูกหนี้ที่ขยายตัวต่อเนื่อง และเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากจำนวนสาขาใหม่ที่เพิ่มขึ้นมากจากปีก่อน ขณะที่ NIM เราคาดมีโอกาสปรับลงต่อตามสัดส่วนการให้สินเชื่อผ่าน BFIT ที่น้อยลง ซึ่งเราอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของทิศทางกลยุทธ์การให้สินเชื่อจากบริษัทในการประชุมนักวิเคราะห์ อย่างไรก็ดีเราคาดการตั้งสำรองใน Q4/63 จะไม่มากเท่าปีก่อนที่มีการเร่งตั้งสำรองเพื่อรองรับมาตรฐานบัญชีใหม่ หนุนให้ทั้งปี 2563 คาด SAWAD จะมีกำไรสุทธิ 4,247 ลบ. โต 13.1%YoY  

 

เพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ ธุรกิจมีแนวโน้มโตดี และความเสี่ยงด้านกฎระเบียบต่ำลง ฝ่ายวิจัยมองภาพรวมของ SAWAD ยังมีทิศทางที่ขยายตัวได้ดี ขณะที่ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบเริ่มผ่อนคลายลง หลังทิศทาง ศก. ในประเทศเริ่มฟื้นตัว ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside ราว 18.7% หลังปรับไปใช่มูลค่าพื้นฐานปี 2564 ที่ 63.50 บาท จึงปรับเพิ่มคำแนะนำจาก Trading เป็น ซื้อ โดยมีประเด็นที่ต้องติดตามคือการเข้ามาดำเนินธุรกิจของออมสินที่คาดจะมีความชัดเจนขึ้นในช่วงปลายปี 

 

รวมสิทธิส่งเสริมคุณภาพชีวิต เกาะติดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ทันเรื่องราวกระแสสังคม

สัมผัสประสบการณ์ข่าวได้ที่ แอปพลิเคชัน ทรูไอดี (ดาวน์โหลดเลยที่นี่!!)

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง