2 เดือนซื้อหุ้นคืน 10 บจ. เคล็ดสร้างความเชื่อมั่น

#ซื้อหุ้นคืน #ทันหุ้น - บจ.ยังเดินหน้าประกาศซื้อหุ้นคืน 2 เดือน 10 แห่ง CPN ซื้อคืนสูง 5 พันล้านบาท ล่าสุด BTG เด้งหลังประกาศซื้อหุ้นคืน 2 พันล้านบาท จ่อซื้อเร็วสัปดาห์หน้า กูรูชี้จากนี้ บจ. ไม่น่าซื้อหุ้นคืนเป็นวงกว้าง เหตุ P/E ไม่ได้ถูก แนะเลือกรายตัวเน้นหุ้นราคาต่ำกว่าตลาด ลั่นจะทำให้นักลงทุนมั่นใจได้ต้องรีบซื้อและทำจริง
ทีมข่าวทันหุ้น รวบรวมข้อมูลจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า ในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายน 2568 ที่ผ่านมา มีบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งประกาศแผนการซื้อหุ้นคืน (Share Repurchase) อย่างต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบริหารทางการเงินและส่งสัญญาณความเชื่อมั่นต่อมูลค่าของบริษัท โดยระยเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา พบว่ามีบริษัทอย่างน้อย 10 แห่ง ที่ประกาศโครงการ
โดยหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อหุ้นคืนสูง ประกอบด้วย CPN ประกาศซื้อหุ้นคืนด้วยวงเงินสูงสุดถึง 5,000 ล้านบาท โดยมีจำนวนหุ้นที่ตั้งเป้าไว้ 111 ล้านหุ้น สัดส่วน 2.47% และมีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2568 ถึง 17 กุมภาพันธ์ 2569
BTG ประกาศแผนซื้อหุ้นคืนล่าสุดในวันที่ 23 กันยายน 2568 ด้วยวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 4.39% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด จำนวนหุ้นซื้อคืน 85 ล้านหุ้น เริ่ม 29 กันยายน 2568 – 27 มีนาคม 2569
STGT กำหนดวงเงินซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 1,500 ล้านบาท โดยมีจำนวนหุ้นที่ตั้งเป้าไม่เกิน 220 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 7.68% โครงการนี้มีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2568 ถึง 23 กุมภาพันธ์ 2569
TTA กำหนดวงเงินซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 1,000 ล้านบาท โดยมีจำนวนหุ้นที่ตั้งเป้าไม่เกิน 182.25 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 10% โครงการนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2568 ถึง 13 กุมภาพันธ์ 2569
KKP ประกาศแผนซื้อหุ้นคืนด้วยวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท จำนวนไม่เกิน 16 ล้านหุ้น คิดเป็น 1.89% ระยะเวลาการซื้อหุ้นคืนคือตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 2568 ถึง 2 มีนาคม 2569
นอกจากบริษัทขนาดใหญ่แล้ว ยังมีบริษัทที่กำหนดสัดส่วนการซื้อหุ้นคืนในเปอร์เซ็นต์ที่สูงเมื่อเทียบกับหุ้นทั้งหมด ได้แก่ KOOL ประกาศแผนซื้อหุ้นคืนในวันที่ 13 สิงหาคม 2568 ด้วยวงเงิน 65 ล้านบาท โดยมีจำนวนหุ้นเป้าหมาย 235 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 10%
TKS ประกาศซื้อหุ้นคืนวงเงิน 300 ล้านบาท จำนวน 30 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 5.91% และยังมีบริษัทอื่นที่ประกาศแผนซื้อหุ้นคืนในช่วงเดือนสิงหาคม 2568 TRU ประกาศซื้อหุ้นคืนเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 วงเงิน 200 ล้านบาท จำนวน 54 ล้านหุ้น
INSET ประกาศซื้อหุ้นคืนเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 วงเงิน 78 ล้านบาท จำนวน 40 ล้านหุ้น หรือ 4.92% อย่างไรก็ดีบริษัทดังกล่าวยังไม่มีการดำเนินการซื้อหุ้นคืน ALT ประกาศซื้อหุ้นคืนเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 วงเงิน 20 ล้านบาท จำนวน 22 ล้านหุ้น หรือ 1.94%
@ เน้นรายหุ้นที่ยังไม่วิ่ง
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์การซื้อหุ้นคืนในตลาดหุ้นไทย แม้จะเป็นกลไกที่ยังใช้ได้ผลในการส่งสัญญาณในเชิงของราคาหุ้นที่ถูก แต่ช่วงเวลาโดยรวมในปัจจุบันไม่เหมาะสมที่จะคาดหวังการซื้อคืนในวงกว้าง เนื่องจากภาพรวมของตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ซื้อขายด้วยอัตราส่วน P/E ประมาณ 14 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของภูมิภาค ดังนั้นจึงไม่ถือว่าหุ้นไทยถูกทั้งกระดาน
อย่างไรก็ตามการซื้อหุ้นคืนยังคงมีประสิทธิภาพหากเลือกเป็นแบบ รายหุ้น ซึ่งหุ้นที่มีโอกาสจะถูกประกาศซื้อหุ้นคืนต่อไปจะเป็น หุ้นที่ราคาไม่ได้ปรับตัวขึ้นตามตลาดมาก่อนหน้า และมีกระแสเงินสดสูง
อย่างไรก็ดีนักลงทุนควรติดตามว่าการประกาศซื้อหุ้นคืนแล้วมีการทำจริงหรือไม่ รวมถึงการซื้อหุ้นคืนจะต้องมีการซื้อที่รวดเร็ว เช่น กรณีของ BTG ที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีคือ การที่บริษัทประกาศซื้อหุ้นคืน มีการกำหนดวันดำเนินการซื้อที่รวดเร็ว
อย่างไรก็ตามในการซื้อหุ้นคืนที่ประสบความสำเร็จได้ ต้องเป็นการซื้อที่ต่อเนื่องและทันการจะช่วยกระตุ้นการเก็งกำไรในระยะสั้น เพราะทำให้นักลงทุนมองว่า ดาวน์ไซด์จำกัด เนื่องจากมีคนคอยรับซื้อหุ้นอยู่ แต่ในระยะยาวแล้ว ความสำเร็จของราคาหุ้นยังคงขึ้นอยู่กับ ปัจจัยพื้นฐาน และผลประกอบการในไตรมาสถัดไป รวมถึงต้องติดตามหลังการซื้อหุ้นคืนหมดแล้วจะมีการขายในตลาดหรือไม่
“ปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนตอบรับเชิงบวกต่อการซื้อหุ้นคืนคือ ความต่อเนื่องในการดำเนินการ นักลงทุนจะดูเชิงปฏิบัติก่อน เนื่องจากบางบริษัทเคยประกาศแล้วแต่ซื้อไม่ครบหรือซื้อไม่ต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ความเชื่อมั่นลดลง”
ในส่วนของ PTT แม้จะหมดระยะเวลาการซื้อหุ้นคืนแล้ว แต่ก็จะไมได้รับผลกระทบ เนื่องจาก PTT ยังมีปัจจัยหนุนอื่น เช่น ผลงานของบริษัทลูก และปันผล ที่ช่วยพยุงราคาไว้
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
