รีเซต

AIRBUS ชี้ธุรกิจเฮลิคอปเตอร์ในไทยมีโอกาสโต โดยเฉพาะด้านการแพทย์ ช่วยเหลือ ค้นหา

AIRBUS ชี้ธุรกิจเฮลิคอปเตอร์ในไทยมีโอกาสโต โดยเฉพาะด้านการแพทย์ ช่วยเหลือ ค้นหา
TNN ช่อง16
5 พฤศจิกายน 2566 ( 00:03 )
66

ผู้ผลิตเครื่องบินสัญชาติยุโรป แอร์บัส (Airbus) มองเห็นศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจเฮลิคอปเตอร์ในประเทศไทย โดยคาดว่าจะมีการเติบโตทางด้านการบรรเทาภัยพิบัติ การค้นหาและช่วยเหลือ ตลอดจนด้านความมั่นคงทางทะเล 


แอร์บัสเน้นย้ำว่าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีเฮลิคอปเตอร์ปฏิบัติการบินอยู่ราว 1,900 ลำ และขณะนี้แอร์บัสเป็นผู้นำของตลาดเฮลิคอปเตอร์ในภาคพลเรือนและบริการสาธารณะ ด้วยส่วนแบ่งการตลาดถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่เฮลิคอปเตอร์เครื่องยนต์เดียวขนาดเบาครองตลาดอยู่ บริษัทฯ เห็นว่ามีการนำเฮลิคอปเตอร์ขนาดเบาสองเครื่องยนต์และเฮลิคอปเตอร์ขนาดกลาง มาใช้งานเพิ่มมากขึ้นในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะในประเทศไทย 


ปัจจุบันมีเฮลิคอปเตอร์ของแอร์บัสที่ปฏิบัติการบินอยู่ในประเทศไทยจำนวนทั้งสิ้น 71 ลำ โดยนำไปใช้ในภารกิจที่หลากหลายทั้งในภาคพลเรือน บริการสาธารณะ และทางการทหาร 


ประเทศไทยใช้เฮลิคอปเตอร์ของแอร์บัสเกือบครบทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่รุ่น เอช145เอ็ม (H145M) เฮลิคอปเตอร์ขนส่งลำเลียงอเนกประสงค์ของกองทัพเรือและกองทัพบกไทย เอช225เอ็ม (H225M) เฮลิคอปเตอร์อเนกประสงค์รุ่นใหม่ล่าสุด รวมถึง เอช135 (H135) เฮลิคอปเตอร์สำหรับฝึกซ้อมทางทหารรุ่นใหม่ของกองทัพอากาศไทย และรุ่น เอช175 (H175) เฮลิคอปเตอร์ประสิทธิภาพสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 


จากการคาดการณ์ว่าจำนวนฝูงบินที่ปฏิบัติการอยู่ในภาคการทหารและบริการสาธารณะของประเทศไทยจะเติบโตขึ้นอีก 20 เปอร์เซ็นต์ ในอีกสิบปีข้างหน้า แอร์บัสมั่นใจว่าจะสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดได้ไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนที่เพิ่มขึ้นทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฮลิคอปเตอร์สำหรับใช้ในภารกิจด้านความมั่นคงทางทะเล บริการการแพทย์ฉุกเฉิน การบรรเทาภัยพิบัติ ตลอดจนการค้นหาและกู้ภัย ที่มีปริมาณความต้องการเพิ่มสูงขึ้น และนี่คือภาคส่วนงานที่แอร์บัสเฮลิคอปเตอร์ได้ให้การสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ทั่วโลกอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน


เนื่องจากการเติบโตที่คาดการณ์ในอนาคตจะได้รับแรงหนุนจากการปรับปรุงฝูงบิน (Fleet renewal) เป็นหลัก แอร์บัสมองว่า H145 เป็นเฮลิคอปเตอร์อเนกประสงค์ขนาดเบาที่เหมาะสมสำหรับให้บริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน เนื่องจากประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยม ความสะดวกสบายในการบิน และคุณสมบัติที่สามารถปฏิบัติภารกิจทางการแพทย์ได้อย่างยอดเยี่ยม


นอกจากนี้ แอร์บัสคาดว่าความต้องการของภาคส่วนทางการทหารจะมาจากทั้งการจัดซื้อหาจัดหาเครื่องลำใหม่และการเปลี่ยนทดแทน เพื่อนำไปใช้ในวัตถุประสงค์ทั้งด้านการฝึกซ้อมทางทหาร ความมั่นคงและการเฝ้าระวังทางทะเล การค้นหาและกู้ภัย รวมถึงการขนส่งทางยุทธวิธี และนี่ทำให้เฮลิคอปเตอร์รุ่น H175 ของแอร์บัส เหมาะสำหรับการลาดตระเวนทางทะเล การรักษาความปลอดภัยทางทะเลและปฏิบัติการกู้ภัย ในขณะที่รุ่น H225M ซึ่งเป็นเฮลิคอปเตอร์อเนกประสงค์นั้นเหมาะสมที่สุดสำหรับความต้องการในภารกิจที่มีความหลากหลาย


ผู้บริหารได้เน้นย้ำว่าประเทศไทยเป็นตลาดหลักที่สำคัญของแอร์บัส ซึ่งได้เติบโตขึ้นจนปัจจุบันเป็นตัวเลือกหลักในการจัดหาและสนับสนุนให้กับสายธุรกิจต่างๆ ของแอร์บัส นอกเหนือจากความสำเร็จทางการค้าแล้ว แอร์บัสยังตอกย้ำถึงความสัมพันธ์และความร่วมมืออันยาวนานระหว่างแอร์บัสกับประเทศไทย


นอกจากสำนักงานอย่างเป็นทางการในประเทศแล้ว แอร์บัสยังได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการการบินของแอร์บัส (Airbus Flight Operations Services Centre) ในกรุงเทพฯ และมีศูนย์บริการลูกค้าเฮลิคอปเตอร์ที่ให้การบำรุงรักษาและพัฒนาฝูงบิน (MRO) ของทั้งพลเรือนและทหาร ทั้งยังเป็นศูนย์ให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคกับลูกค้าในประเทศเพื่อนบ้านของไทย ได้แก่ ประเทศลาวและกัมพูชา ในปัจจุบันแอร์บัสยังคงเป็นผู้ผลิตเฮลิคอปเตอร์รายเดียวที่มีศูนย์ซ่อมบำรุงในประเทศไทย


แอร์บัสมีข้อตกลงความร่วมมือกับบริษัทอุตสาหกรรมการบินไทย (TAI) เพื่อให้การสนับสนุนฝูงบินเฮลิคอปเตอร์ทั้งหมดของของรัฐบาลไทย ปัจจุบัน TAI เป็นบริษัทผู้รับเหมาหลักของแอร์บัสและเป็นศูนย์ให้บริการดูแลทั้งการขายและการจัดจำหน่ายฝูงบินเฮลิคอปเตอร์ของแอร์บัสทุกลำที่ปฏิบัติการโดยกองทัพและหน่วยงานภาครัฐของประเทศไทย


คุณฟาบริซ โรเชอโร (Fabrice Rochereau) รองประธาน/หัวหน้าฝ่ายขายและการตลาดประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของแอร์บัสเฮลิคอปเตอร์ กล่าว “ประเทศไทยเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของแอร์บัส และเรายังคงมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ ในการเสริมสร้างสถานะและความร่วมมือของเราในประเทศไทย นอกจากนี้เรายังมองเห็นโอกาสการเติบโตในกลุ่มเฮลิคอปเตอร์ต่าง ๆ ซึ่งแอร์บัสพร้อมที่จะสนับสนุนทุกหน่วยงาน ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายซึ่งแสดงถึงการผสมผสานระหว่างสมรรถนะความสามารถและความคุ้มค่าที่ดีที่สุด” 


ทั้งนี้ คุณฟาบริซ โรเชอโร ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่าจริงอยู่ที่ในอนาคตการใช้เฮลิคอปเตอร์จะเติบโตในด้านการแพทย์ และด้านการค้นหาเพื่อช่วยเหลือ แต่ก็จะเติบโตไปพร้อมกับความต้องการในด้านการทหาร


นอกจากนี้เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุคพลังงานทางเลือก คุณเบิร์ต พอร์ทแมน (Bert Porteman) หัวหน้าผู้แทนของแอร์บัสประเทศไทย ก็ได้ชี้ว่าตอนนี้มีอากาศยานบินได้ทั่วโลกเพียง 25% เท่านั้นที่เป็นพลังงานทางเลือก ดังนั้นแอร์บัสก็มีแผนที่จะพัฒนาพาหนะในด้านพลังงานทางเลือกเช่นกัน โดยจะพัฒนาใน 3 แกนหลัก คือ


1. พัฒนาเครื่องบินรุ่นเก่าที่ยังเป็นเครื่องยนต์สันดาปภายในไปเป็นรุ่นใหม่ ลดการปล่อยคาร์บอนได้ในระดับหนึ่ง

2. การใช้เชื้อเพลิงยั่งยืนอื่น ๆ เอามาทดแทนรุ่นเก่า 

3. แผนระยะยาว คือได้พัฒนาเครื่องยนต์ที่จะขับเคลื่อนด้วยพลังไฮโดรเจน ซึ่งคาดว่าจะมีเครื่องบินใช้พลังงานไฮโดรเจนออกมาใช้งานได้ภายในปี 2035 


ในด้านความพร้อมของประเทศไทยก็มองว่าจำเป็นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับตัวเข้ากับแนวทางทั่วโลก ซึ่งมีการค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนไปในส่วนของพลังงานทดแทนมากขึ้น


นอกจากนี้ แอร์บัสก็จะได้มีการแสดงผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ในกลุ่มเฮลิคอปเตอร์ ในงานแสดงยุทโธปกรณ์เทคโนโลยีด้านการทหารและความปลอดภัยระดับเอเซีย (Defence & Security exhibition) ในวันที่ 6 -9 พฤศจิกายน ณ อิมแพคเมืองทองธานี

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง