รีเซต

เตรียมบอกลา อาหารเมดิเตอร์เรเนียน ภัยเงียบจากภาวะโลกร้อน

เตรียมบอกลา อาหารเมดิเตอร์เรเนียน ภัยเงียบจากภาวะโลกร้อน
TNN ช่อง16
1 เมษายน 2568 ( 10:42 )
10

อาหารเมดิเตอร์เรเนียนได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในอาหารที่ดีต่อสุขภาพที่สุดในโลก ได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับหนึ่งโดย US News & World Report ต่อเนื่องเป็นเวลา 7 ปี และยังได้รับการขึ้นทะเบียนโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ อย่างไรก็ตาม ภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนกำลังเผชิญกับภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อแหล่งผลิตอาหารที่เป็นหัวใจของอาหารเมดิเตอร์เรเนียนอย่างรุนแรง


ข้อมูลจากโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ระบุว่า อุณหภูมิในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนกำลังเพิ่มขึ้นเร็วกว่าค่าเฉลี่ยโลกถึง 20% คาดว่าภายในปี 2050 ความต้องการใช้น้ำจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และอุณหภูมิอาจเพิ่มขึ้น 1.8-3.5°C ภายในปี 2100 ซึ่งหากอุณหภูมิสูงขึ้น 2°C อาจทำให้ปริมาณฝนลดลงถึง 10-15% สร้างผลกระทบต่อระบบเกษตรกรรมที่เป็นรากฐานของอาหารเมดิเตอร์เรเนียน


ผลการศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) พบว่า จำนวนวันที่เหมาะสมต่อกิจกรรมกลางแจ้งในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง คาดว่าในปี 2100 ประเทศโปรตุเกสอาจสูญเสียวันสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งถึง 33 วัน ขณะที่กรีซอาจเสียไป 30 วัน ปรากฏการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของผู้คน เช่น การออกกำลังกายกลางแจ้งและการพบปะสังสรรค์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของวัฒนธรรมการบริโภคอาหารในภูมิภาคนี้

งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยปาดัว (Padova University) ชี้ว่า ความต้องการน้ำชลประทานในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนจะเพิ่มขึ้น 4-18% และหากอุณหภูมิสูงขึ้นถึง 3°C อาจทำให้ภัยแล้งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ส่งผลให้ผลผลิตการเกษตรลดลงอย่างรุนแรง


ตัวอย่างผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้ว ได้แก่

  • น้ำมันมะกอก: ในปี 2022 ผลผลิตลดลง 39% ทั่วยุโรป โดยอิตาลีลดลง 54% สเปน 27% ฝรั่งเศส 38% และโปรตุเกส 39%
  • ธัญพืช: ข้าวโพดในฝรั่งเศสลดลง 30% สเปน 20% อิตาลี 23%
  • ผลไม้และผัก: แอปเปิลในสเปนลดลง 15% โปรตุเกส 20% กรีซ 32% ขณะที่ผลผลิตพีชลดลง 26% และส้มในอิตาลีลดลง 19%

ภัยคุกคามจากมลพิษ การทำประมงเกินขนาด และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้มากกว่า 30% ของแหล่งที่อยู่อาศัยทางทะเลในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตกอยู่ในอันตราย โดย 21% ของสัตว์ทะเลถูกจัดให้อยู่ในภาวะ "ใกล้สูญพันธุ์" และ 11% จัดอยู่ในกลุ่ม "เสี่ยงสูญพันธุ์" หากแนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไป สัตว์น้ำเฉพาะถิ่นกว่า 30 สายพันธุ์อาจสูญพันธุ์ภายในสิ้นศตวรรษนี้ 

นอกจากนี้ภาวะโลกร้อนส่งผลกระทบต่อการเกษตร ทำให้ราคาผักและผลไม้สูงขึ้นจนบางครั้งแพงกว่าเนื้อสัตว์ ประกอบกับความต้องการเดินทางไปซื้ออาหารสดจากท้องถิ่นที่ต้องใช้เวลามากขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคหันไปบริโภคอาหารที่ถูกกว่าและสะดวกกว่าแทน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันมะกอกที่สูงขึ้นจากภาวะผลผลิตตกต่ำยังทำให้ผู้บริโภคต้องเลือกใช้น้ำมันประเภทอื่นแทน


ศาสตราจารย์ เปาโล ตาโรลี จากมหาวิทยาลัยปาดัว เน้นย้ำว่า การแก้ปัญหาวิกฤตอาหารเมดิเตอร์เรเนียนต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างวิทยาศาสตร์ นโยบายภาครัฐ และภาคเอกชนเพื่อหาทางรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มาตรการที่จำเป็นต้องดำเนินการ ได้แก่ การพัฒนาเกษตรกรรมที่ใช้น้ำน้อย การเพิ่มประสิทธิภาพระบบชลประทาน และการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการบริโภคอย่างยั่งยืน

 

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังคุกคามอาหารเมดิเตอร์เรเนียนตั้งแต่ระดับการผลิตไปจนถึงวิถีชีวิตของผู้คน หากไม่มีมาตรการที่เหมาะสม อาหารที่เคยเป็นสัญลักษณ์แห่งสุขภาพและวัฒนธรรมอาจตกอยู่ในวิกฤติในอนาคต การร่วมมือในระดับนานาชาติเป็นกุญแจสำคัญในการปกป้องมรดกทางอาหารนี้ให้คงอยู่ต่อไป

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง