5 ความจริงเกี่ยวกับ 'ทุ่นระเบิด' ชายแดนไทย ที่คุณควรรู้

แม้ประเทศไทยจะร่วมลงนามใน “อนุสัญญาออตตาวา” เพื่อห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลมาตั้งแต่ปี 2542 แต่เหตุการณ์เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ได้ตอกย้ำว่าวิกฤตทุ่นระเบิดชายแดนยังคงเป็นภัยเงียบที่คุกคามชีวิตคนไทยอย่างต่อเนื่อง
ในวันดังกล่าว ทหารไทย 3 นายได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี หนึ่งในนั้นต้องสูญเสียขา หลังเกิดเหตุ กองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียด และพบว่า มีการฝังทุ่นระเบิดเพิ่มเติมอีก 8 ลูก ซึ่งเป็น PMN-2 รุ่นล่าสุดจากรัสเซีย โดยไทยไม่เคยมีครอบครองมาก่อน
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม และ ผอ.ศบ.ทก. ระบุชัดว่า ทุ่นเหล่านี้เป็นของกัมพูชา และการวางทุ่นระเบิดใหม่นั้นละเมิดอนุสัญญาออตตาวาอย่างร้ายแรง
1. ทุ่นระเบิดยังไม่หมดจากแผ่นดินไทย และอาจเพิ่มขึ้น
แม้ไทยจะดำเนินการเก็บกู้มาหลายปี แต่ข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (ศทช.) ระบุว่ายังมีทุ่นระเบิดหลงเหลือหลายแสนลูก ครอบคลุมพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะแนวเขตที่เคยมีข้อพิพาทกับกัมพูชา เช่น ช่องบก ช่องจอม ปราสาทพระวิหาร และสามเหลี่ยมมรกต
กรณีล่าสุดที่ตรวจพบ PMN-2 จำนวน 8 ลูกในพื้นที่ที่เคยผ่านการกวาดล้างมาแล้ว เป็นหลักฐานชัดว่าอาจมีการ วางทุ่นใหม่ซ้ำซ้อน ซึ่งผิดหลักมนุษยธรรม
2. เหยื่อไม่ได้มีแค่ทหาร — เด็กและชาวบ้านคือกลุ่มเสี่ยงหลัก
รายงานของ Landmine Monitor และองค์กรระหว่างประเทศ ระบุว่า เด็ก ชาวนา และแรงงานในพื้นที่ชายแดนคือกลุ่มที่เสี่ยงสูงสุด เนื่องจากกิจกรรมประจำวันต้องสัมผัสพื้นที่เสี่ยง เช่น การเดินเท้า เก็บของป่า หรือการทำเกษตรกรรม อ่านเพิ่มเติม กัมพูชา ชาติอุดม "กับระเบิด" มากที่สุดในอาเซียน กับทุ่นสังหาร 6 ล้านลูกที่รอคนเหยียบ
ในกัมพูชา มีรายงานเหยื่อทุ่นระเบิดกว่า 65,000 ราย และแม้จะร่วมลงนามในอนุสัญญาออตตาวาแล้ว แต่ยังพบว่ากัมพูชายังคงครอบครองทุ่นระเบิดใหม่ และอาจนำมาใช้ในพื้นที่ชายแดนไทยอย่างเงียบ ๆ
3. กัมพูชาฝังทุ่นระเบิดใหม่ ฝ่าฝืนอนุสัญญาออตตาวา
ตามคำแถลงของ พล.อ.ณัฐพล และข้อมูลจากสายข่าวทหาร รวมถึงรายงานจาก วาสนา นาน่วม นักข่าวสายความมั่นคง ระบุว่า กัมพูชาวางทุ่นระเบิด PMN รุ่นใหม่กว่า 335 ลูกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บางส่วนถูกฝังในพื้นที่ชายแดนไทยที่มีข้อพิพาท
ประเทศไทยเตรียมยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการออตตาวาในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อรายงานการละเมิดจากกัมพูชา และพิจารณาให้ผู้สนับสนุนงบเก็บกู้ทุ่นระเบิดกับกัมพูชาทบทวนบทบาท
4. ปัญหาทุ่นระเบิด = อุปสรรคของการพัฒนาและการท่องเที่ยว
พื้นที่ชายแดนซึ่งควรเป็นแหล่งเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เช่น ปราสาทตาเมือนธม ถูกจำกัดศักยภาพเพราะต้องระวังกับระเบิดอยู่ทุกย่างก้าว ข้อมูลจากกองทัพบกระบุว่า บริเวณช่องบกยังคงมีทุ่นระเบิดใหม่ซ่อนอยู่มากกว่า 100 ลูก ทำให้ไม่สามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หรือส่งเสริมเศรษฐกิจชายแดนได้เต็มที่
5. ไม่มีบทลงโทษตรง แต่แรงกดดันระหว่างประเทศสำคัญ
แม้อนุสัญญาออตตาวาจะไม่มี “บทลงโทษโดยตรง” ต่อผู้ละเมิด แต่การรายงานต่อประชาคมโลกและการตัดงบช่วยเหลือจากประเทศผู้บริจาค อาจเป็นกลไกสำคัญที่ไทยใช้เพื่อกดดันกัมพูชาให้ยุติพฤติกรรมเหล่านี้
รายงานระบุว่าในอดีต กัมพูชาเคยถูกแฉว่ามีการ ยักยอกงบกู้ทุ่นระเบิด และแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ไม่เหมาะสม ทำให้ประเทศตะวันตกบางแห่งระงับการสนับสนุนช่วงหนึ่ง
เหตุการณ์ทหารเหยียบกับระเบิดที่ช่องบกไม่ใช่แค่ข่าวอุบัติเหตุ แต่คือสัญญาณเตือนว่า “ปัญหาทุ่นระเบิดชายแดน” ยังไม่จบ และอาจซับซ้อนยิ่งขึ้นหากไม่ได้รับการจัดการอย่างจริงจังจากทุกฝ่าย ทั้งภายในประเทศและในเวทีนานาชาติ
ประเทศไทยจึงต้องเร่งดำเนินการทางการทูต ตรวจสอบภาคสนามอย่างรัดกุม และใช้เครื่องมือทางกฎหมายเพื่อปกป้องประชาชน พร้อมผลักดันให้พันธมิตรทั่วโลกตระหนักว่า กับระเบิด 1 ลูกที่ฝังในแผ่นดิน อาจหมายถึงชีวิตของใครสักคนที่ไม่ควรสูญเสีย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
