ไทม์ไลน์ 100 วัน “18 เชลยศึกกัมพูชา” จากศึกซำแตถึงวันปล่อยตัว 12 พฤศจิกายน

ไทม์ไลน์ “18 เชลยศึกกัมพูชา” จากสนามรบซำแตถึงโต๊ะเจรจาระดับภูมิภาค
เหตุการณ์การจับเชลยศึกกัมพูชาทั้ง 18 นายกลายเป็นจุดเปลี่ยนทางการทูตครั้งสำคัญของภูมิภาค หลังเหตุปะทะชายแดนที่ “ซำแต” จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2568 ก่อนเดินหน้าเข้าสู่การเจรจาทางทหารและการทูต ที่จะจบลงในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งไทยประกาศเตรียมปล่อยตัวทั้งหมดอย่างเป็นทางการ
29 กรกฎาคม 2568 ศึกซำแต จุดเริ่มต้นของความตึงเครียด
วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 กองกำลังไทยและกัมพูชาเกิดการปะทะกันบริเวณ “พื้นที่ซำแต” อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นเขตทับซ้อนทางภูมิศาสตร์
การปะทะเริ่มจากการลาดตระเวนของทหารไทยที่พบกำลังทหารกัมพูชาเคลื่อนเข้าพื้นที่ต้องห้าม จนเกิดการยิงตอบโต้ต่อเนื่องกว่า 3 ชั่วโมง ส่งผลให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 2 นาย และอีก 18 นายยอมจำนนโดยไม่มีการขัดขืน
เชลยศึกทั้งหมดถูกส่งเข้าสู่การควบคุมของกองทัพไทยตามหลักอนุสัญญาเจนีวา โดยได้รับการดูแลและตรวจสุขภาพจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สิงหาคม 2568 ไทยยืนยันสิทธิในพื้นที่ เริ่มเปิดช่องทางเจรจา
หลังเหตุปะทะ กระทรวงการต่างประเทศของไทยแถลงยืนยันว่า การปฏิบัติของทหารไทยอยู่ในเขตแดนตามแผนที่และข้อตกลงระหว่างประเทศ พร้อมเปิดการสื่อสารกับรัฐบาลกัมพูชา เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ขยายวง
ต่อมาในช่วงกลางเดือน คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) ได้รับอนุญาตให้เข้าตรวจเยี่ยมเชลยศึกทั้ง 18 นาย เพื่อตรวจสอบสุขภาพและสภาพความเป็นอยู่
กันยายน 2568 จัดตั้งคณะกรรมการร่วมไทย–กัมพูชา
ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องตั้ง “คณะกรรมการร่วมไทย–กัมพูชา” เพื่อวางแนวทางยุติความขัดแย้ง โดยมี 4 เงื่อนไขสำคัญที่ต้องปฏิบัติก่อนปล่อยตัว ได้แก่
- ถอนอาวุธหนักออกจากแนวชายแดน
- เปิดพื้นที่ให้ไทยเข้าเก็บกู้ทุ่นระเบิด
- ปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์ข้ามชาติ
- จัดการพื้นที่ชายแดนให้ปลอดภัยร่วม
พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับมอบหมายให้กำกับติดตามข้อตกลงทั้ง 4 ข้อ โดยเน้นเงื่อนไขแรกและที่สองเป็นลำดับความสำคัญสูงสุด
ตุลาคม 2568 เวทีอาเซียนเป็นจุดพลิกทางการเมืองและการทูต
วันที่ 23 ตุลาคม 2568 การประชุมสุดยอดอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เป็นเวทีที่ไทยและกัมพูชาได้หารือโดยตรง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ใช้โอกาสนี้พูดคุยกับฝ่ายกัมพูชา พร้อมประเทศสมาชิก เพื่อขอความร่วมมือปล่อยตัวเชลยศึกด้วยเหตุผลทางมนุษยธรรม โดยให้มีคณะผู้สังเกตการณ์จากอาเซียนร่วมติดตาม
กัมพูชารับปากว่าจะดำเนินการถอนอาวุธและเปิดพื้นที่ให้ไทยเข้ากู้ทุ่นระเบิดให้เสร็จภายในต้นเดือนพฤศจิกายน
ต้นพฤศจิกายน 2568 ไทยประกาศวันปล่อยตัวอย่างเป็นทางการ
วันที่ 7 พฤศจิกายน นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า การปล่อยตัวเชลยศึก 18 นายจะเกิดขึ้นในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด จังหวัดจันทบุรี
ขณะเดียวกัน พลเอก ณัฐพล ระบุว่า วันที่ดังกล่าวเป็นเพียง “กรอบเวลาเป้าหมาย” ซึ่งอาจเลื่อนได้หากเงื่อนไขยังไม่ครบ โดยเฉพาะการถอนอาวุธหนักและการกู้ทุ่นระเบิดใน 5 พื้นที่นำร่องที่ไทยเสนอไว้
การปฏิเสธแรงกดดันและข่าวแลกเปลี่ยนผลประโยชน์
มีข่าวลือว่าการปล่อยตัวเชลยศึกเกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางการค้า โดยเฉพาะข้อตกลงภาษีสินค้าสหรัฐฯ แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศชี้แจงชัดว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน การดำเนินการเป็นไปตามกรอบเอกสารความร่วมมือไทย–กัมพูชา และยึดตามหลักมนุษยธรรม
12 พฤศจิกายน 2568 วันแห่งการส่งกลับเชลยศึก
หากฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงครบถ้วน เชลยศึกทั้ง 18 นายจะถูกส่งกลับประเทศผ่านด่านบ้านผักกาด จังหวัดจันทบุรี โดยอยู่ภายใต้การดูแลของกองทัพไทย หน่วยแพทย์ และคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ
ตลอดระยะเวลา 100 วันที่ถูกควบคุมตัว เชลยศึกได้รับการดูแลด้านอาหาร สุขภาพ และสิทธิขั้นพื้นฐานครบถ้วน
เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนสำคัญของภูมิภาคในด้านความมั่นคงและการจัดการความขัดแย้งทางพรมแดนด้วยวิถีการทูตและกฎหมายระหว่างประเทศ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
