'น้องเนย' หนุ่มบิ๊กไบค์พลเมืองดี กลับบ้านวันแรกขอสตาร์ตเก๋งคู่ใจ เผยอยากกลับไปขับได้อีก-อโหสิจ่าคลั่ง
‘น้องเนย’ หนุ่มบิ๊กไบค์พลเมืองดี กลับบ้านวันแรกขอสตาร์ตเก๋งคู่ใจ เผยอยากกลับไปขับได้อีก-อโหสิจ่าคลั่ง
น้องเนย – สืบเนื่องจากกรณีนายฐิรัฐติกาล นอบไทย หรือน้องเนย หนุ่มบิ๊กไบค์พลเมืองดีที่พยายามเข้าไปช่วยเหลือประชาชน บริเวณด้านหน้าห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 โคราช แล้วถูกคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนานหลายเดือน ก่อนที่อาการจะดีขึ้นตามลำดับ และแพทย์อนุญาตให้ลับบ้านได้แล้วเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่งใน ต.หนองจะบก อ.เมือง จ.นครราชสีมา พบกับครอบครัวน้องเนย ซึ่งอยู่กับแม่และน้องชาย บรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่น โดยน้องเนยอยู่ระหว่างทำกายภาพบำบัดแขนข้างซ้ายที่มีบาดแผลขนาดใหญ่จากการถูกคมกระสุนอาวุธสงครามทำลาย จนสูญเสียความรู้สึกไปบางส่วน จึงต้องพยายามทำกายภาพบำบัดด้วยการยืนข้างผนัง ยกมือข้างซ้ายขึ้นทำปูไต่ ให้ยกมือได้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยมีนางอำพร นอบไทย ผู้เป็นแม่คอยช่วยเหลือและให้กำลังใจอยู่ไม่ห่าง
ขณะเดียวกันบริเวณที่จอดรถข้างบ้าน พบว่ามีรถเก๋งยี่ห้อนิสสันมาร์ช สีฟ้า เลขทะเบียน ขษ 2703 นครราชสีมา จอดอยู่ โดยน้อยเนยบอกว่า รถคันนี้เป็นรถยนต์คันแรกที่ใช้เงินจากน้ำพักน้ำแรงการทำงาน ซื้อมาได้ประมาณ 1 ปีแล้ว จึงรักมาก และอยากแข็งแรงกลับมาขับรถคันนี้ให้ได้เร็วๆ ก่อนที่จะเดินลงไปสตาร์ตรถให้ดู พร้อมชู 2 นิ้ว เพื่อบอกทุกคนว่าตอนนี้มีกำลังใจดีมากแล้ว
นายฐิรัฐติกาลกล่าวว่า ช่วงที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ตนเองก็คิดถึงบ้านตลอดเวลา บางครั้งก็รู้สึกท้อแท้ โดยเฉพาะช่วงที่เข้าผ่าตัดจะรู้สึกกลัวมาก แต่ได้กำลังใจจากประชาชนที่ส่งมาให้ในโลกโซเชียลที่แม่นำมาให้อ่านทุกวัน ทำให้รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาก เพราะรู้ว่ายังมีคนอีกหลายคนที่คอยส่งกำลังใจให้เราอยู่ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ตนเองก็ไม่ได้รู้สึกโกรธแค้นผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด พร้อมให้อโหสิกรรมทุกอย่าง และคิดเสมอว่าคงจะเป็นกรรมที่เคยทำไว้เมื่ออดีตชาติ ดีแค่ไหนแล้วที่เรายังรอด เพราะคนที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมทั้งฮีโร่ที่เข้าไปช่วยต้องสูญเสียชีวิตไปหลายคน
“ผมไม่อยากเอาไปเปรียบกับฮีโร่เหล่านั้น และไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่เลย เพียงแต่เห็นคนได้รับบาดเจ็บก็เข้าไปช่วยตามสามัญสำนึกของคนทั่วไป เมื่อได้กลับมาบ้านแล้ว รู้สึกดีใจมาก เพราะได้มาอยู่ในบรรยากาศที่คุ้นเคย ได้อยู่กับครอบครัว วันแรกที่กลับมาบ้านนั้น สิ่งแรกที่ทำคือเดินไปสตาร์ตรถเก๋งที่ตนเองรักและหวงมาก อยากกลับมาขับรถได้เหมือนเดิมอีกครั้ง แต่ตอนนี้แพทย์บอกว่าอย่าใช้แรงมาก โดยเฉพาะแขนซ้ายที่กระดูกยังไม่ยึดดีนัก ต้องใช้เวลาทำกายภาพบำบัดไม่ต่ำกว่า 1 ปี ถึงจะกลับมาใช้งานได้
“ตั้งแต่มานอนอยู่ที่บ้านก็หลับสบายไม่ฝันอะไรเลย ต่างกับอยู่ที่โรงพยาบาลนอนหลับฝันทุกคืน ถึงอย่างไรก็ตามก็ต้องขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือตนเอง จนอาการดีขึ้นมาก โดยเฉพาะคุณหมอและพยาบาลที่คอยดูแลรักษาเป็นอย่างดี นอกจากนี้ขอฝากขอบคุณไปยังประชาชนที่ให้กำลังใจผ่านทางโลกโซเชียลทุกคนว่า หากไม่มีกำลังใจจากเขาเหล่านี้ตนเองก็คงจะมีชีวิตอยู่ด้วยความสิ้นหวังแน่นอน” นายฐิรัฐติกาลกล่าว
ด้านนางอำพรกล่าวว่า สำหรับอาการของน้องเนยตอนนี้ยังต้องไปรักษาตัวตามที่แพทย์นัด โดยวันที่ 8 กรกฎาคมก็จะไปหาแพทย์เพื่อดูแผลติดเชื้อ เนื่องจากในช่องท้องยังมีหนองออกมาอยู่ และในวันที่ 16-20 กรกฎาคมก็จะไปหาแพทย์ที่ดูแลส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกรอบ
“ตลอดเวลาเกือบ 5 เดือนในการรักษาน้องเนย ค่าใช้จ่ายทั้งหมดทางรัฐบาลเป็นผู้ออกให้ จึงไม่รู้สึกกังวลอะไรในส่วนนี้ แต่ตอนนี้เป็นห่วงเรื่องการใช้ชีวิตในการทำงานหลังจากนี้ เพราะร่างกายของน้องเนยไม่เหมือนเดิม จะหางานทำที่ไหนก็ยาก ไม่รู้ว่าอนาคตของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป จึงอยากให้หน่วยงานรัฐช่วยหางานที่เหมาะสมให้น้องเนยทำ ซึ่งโดยส่วนตัวก็อยากจะให้น้องเนยได้รับราชการ จะเป็นตำแหน่งอะไรก็ได้ เพื่อให้เขาได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป” นางอำพรกล่าว
ย้อนอ่าน : ‘น้องเนย’ ฮีโร่บิ๊กไบค์ ช่วยเหยื่อยกราดยิงโคราช ได้กลับบ้านแล้ว หลังโคม่า 5 เดือน