ค่ายมือถือดัง ยันไม่มีนโยบายนำบัตรปชช. ไปซื้อมือถือ เตรียมล่ามิจฉาชีพ
กลายเป็นเรื่องวุ่น หลังมีบุคคลนำบัตรปชช. ของผู้สูงวัย ไปลงทะเบียนซื้อโทรศัพท์มือถือพร้อมโปร จนเป็นหนี้ใกล้ถูกฟ้อง ค่ายมือถือดังโร่แจง-ให้การช่วยเหลือ
จากกรณีผู้สูงอายุใน ต.หนองกุงศรี อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ 127 คน ออกมาขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังจากถูกหลอกนำบัตรประชาชนไปแลกซื้อโทรศัพท์ พร้อมโปรโมชั่นโทรรายเดือน จนได้รับหนังสือทวงหนี้จากสำนักงานกฎหมายจากของบริษัทเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เรียกเก็บเงินค่าบริการรายเดือนเฉลี่ยรายละ 3,299 บาท และกำลังจะถูกฟ้องร้องในวันที่ 9 ธ.ค. นี้เหตุเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 63 ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
อ่านข่าว โจรแสบหลอกผู้สูงวัย ซื้อมือถือ แต่กลับเป็นหนี้ จ่อถูกฟ้องกว่าร้อยราย
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ยังคงนำเอกสารการทวงหนี้ที่ทางสำนักงานกฎหมายของบริษัทเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เข้าลงชื่อเพิ่มเติมกับผู้ใหญ่บ้านโคกเจริญ ม.3 และม.10 และบ้านหนองหว้า ม.9 ต.หนองกุงศรี และเจ้าหน้าที่อ.หนองกุงศรี อย่างต่อเนื่อง เบื้องต้น 3 หมู่บ้านมีผู้เสียหายเกิน 200 คนแล้ว
นายธำรงค์ กาวินำ ผู้จัดการทรูสำนักงาน จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้ทางบริษัทได้รับทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว โดยเบื้องต้นได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียหายมีจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ โดยเฉพาะที่บ้านหนองว้า ม.9 บ้านโคกเจริญ ม.10 และม.3 มีอย่างน้อย 150 คน นอกจากนี้ยังเชื่อว่าน่าจะมีประชาชนในพื้นที่อ.หนองกุงศรี อีกหลายรายในหมู่บ้านต่าง ๆ ที่เสียหาย
ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในพื้นที่เกิดเรื่องขึ้นที่จ.กาฬสินธุ์ ทั้งนี้ทางบริษัทได้ลงพื้นที่เก็บรวบรวมหลักฐาน พร้อมกับเจ้าหน้าที่ เพื่อนำไปตรวจสอบว่าใครเป็นผู้มาเก็บบัตรและใครเป็นผู้นำบัตรไปลงทะเบียนซื้อโทรศัพท์เปิดใช้บริการรายเดือน
นายธำรงค์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ยืนยันว่าทางบริษัทไม่มีนโยบายหรือให้พนักงานมาเก็บบัตรประชาชนไปลงทะเบียนซื้อโทศัพท์ และจากการตรวจสอบเบื้องต้นเชื่อว่าน่าจะเป็นบุคคลอื่นที่แอบอ้างมาเก็บ และคาดว่าน่าจะเป็นตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์ในพื้นที่เป็นผู้ที่นำบัตรไปลงทะเบียนซื้อโทรศัพท์ ซึ่งทางบริษัทจะนำข้อมูลหลักฐานเข้าปรึกษาทางฝ่ายกฎหมาย เพื่อที่จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป เพราะนอกจากจะเป็นการหลอกลวงทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนแล้ว ยังทำให้บริษัทเกิดความเสียหายอีกด้วย
ด้านเรือโทรเชาวเลิศ ประสพสันต์ อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิ และช่วยเหลือกฎหมาย การบังคับคดี จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับในส่วนกรณีแพ่งที่ทางประชาชนได้รับหนังสือในการให้ชำระหนี้นั้น เนื่องจากประชาชนไม่ได้สมัครใจให้นำบัตรประชาชนไปทำสัญญาซื้อโทรศัพท์ อีกทั้งทางประชาชนไม่ได้ทำสัญญาใด ๆ กับทางบริษัทด้วยตัวเอง แต่เป็นบุคคลอื่นนำบัตรประชาชนไปทำสัญญาโดยไม่ได้รับการยินยอมถือว่าสัญญาดังกล่าวไม่เกิดขึ้น
เรือโทรเชาวเลิศ กล่าวอีกว่า ในส่วนการแก้ไขปัญหานั้น ขณะนี้ได้แนะนำให้ประชาชนที่เสียหายเข้ามาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้มีเจตนาจงใจไม่ชำระหนี้ เพราะไม่ได้ทำสัญญากับทางบริษัทโดยตรง และนำเอกสารบันทึกประจำวันส่งกลับไปที่บริษัทหรือทนายความผู้รับมอบอำนาจว่าไม่ได้ทำสัญญา และไม่ได้นำโทรศัพท์มาใช้ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องชำระหนี้ในครั้งนี้
และหากบริษัทยังยืนยันจะดำเนินการต่อไป ประชาชนก็จะสงวนสิทธิที่จะดำเนินการกับบริษัทเช่นกัน นอกจากนี้ยังได้ประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่สคบ. เข้ามารับเรื่องเพื่อที่จะมีอำนาจในการเรียกบริษัทมาพูดคุยตกลงกันและร่วมกันหาสาเหตุของเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจากอะไรและหาทางออกร่วมกันต่อไป