ZIGA มั่นถือบิทคอยน์พุ่งต่อ ลุยซื้อเพิ่ม-จ่อปันผลปีหน้า

#ZIGA #ทันหุ้น - ZIGA เดินหน้าขุดบิทคอยน์ต่อเนื่อง หลังราคาพุ่งทะยาน 125,000 ดอลลาร์ พร้อมลงทุนแบบ DCA ต่อเนื่อง ย้ำยังไม่ขายมองเป็นสินทรัพย์มั่นคง ตุนกำไรแล้วราว 12 ล้านบาท เล็งนำเงินชนะคดี 100 ล้านบาทซื้อเพิ่ม พร้อมปันผลปีหน้า
นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ZIGA เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า บริษัทเดินหน้ากลยุทธ์ลงทุนใน Bitcoin (BTC) อย่างต่อเนื่อง โดยราคาบิทคอยน์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเช้าวานนี้ (6 ต.ค.) หลังทะยานขึ้นทะลุระดับ 125,000 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนสิงหาคม เนื่องจากการที่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐ ถูกปิดดำเนินการ หรือชัตดาวน์
ทั้งนี้บริษัทมองเป็นสินทรัพย์ที่มั่นคงและมีศักยภาพเติบโตระยะยาว โดยใช้เงินสดและกำไรจากธุรกิจเหล็กทยอยเข้าซื้อแบบ DCA (Dollar-Cost Averaging) อย่างสม่ำเสมอ พร้อมย้ำไม่จำหน่ายเหรียญที่ได้จากการขุดเพื่อเก็บเป็น “บัฟเฟอร์” ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา
** กำไรแล้ว 12 ล้าน
นายศุภกิจ เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทถือครอง BTC อยู่ราว 10 กว่าเหรียญ โดยทยอยลงทุนด้วยเงินสดจากธุรกิจหลักผ่านกลยุทธ์ DCA ครั้งละประมาณ 10 ล้านบาท ในจำนวนนี้แบ่งเป็นเหรียญที่ได้จากการขุดโดยไม่มีต้นทุนราว 3 เหรียญ ซึ่งหากขายในราคาตลาดปัจจุบันราว 4 ล้านบาทต่อเหรียญ จะมีกำไรทันทีราว 12 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 8 เหรียญ เป็นเหรียญที่ทยอยซื้อเพิ่ม
ผู้บริหารย้ำว่า บริษัทไม่ขายเหรียญที่ขุดได้ เพราะมองว่าเป็นสินทรัพย์สำรองสำคัญ ช่วยให้บริษัทไม่มีความเสี่ยงขาดทุน แม้ราคา BTC จะปรับลดลงแรง ก็ยังมีเหรียญที่ได้จากการขุดช่วยหนุนไม่ให้เกิดผลขาดทุน ขณะที่การขุด BTC ของบริษัทดำเนินต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน
“เรามอง BTC ในมุมระยะยาวแบบเดียวกับนักลงทุนรายใหญ่ระดับโลก เช่น Michael Saylor ที่เน้นการถือครอง ไม่กำหนดจุดขาย เพราะเชื่อว่า BTC เป็นสินทรัพย์ที่สามารถเก็บไว้เป็น Asset Back ได้ตลอดเวลา และความเสี่ยงต่ำกว่าการฝากเงินในธนาคารที่ค้ำประกันเพียง 1 ล้านบาท หรือการลงทุนในหุ้นกู้ที่หลายบริษัทมีปัญหา” นายศุภกิจ กล่าว
** แย้มแผนปันผลปีหน้า
สำหรับแผนในปีหน้า นายศุภกิจ เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมใช้เงินที่ได้รับจากการชนะคดีความกับ บริษัท เอ็มพี ไมเนอร์ เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งศาลมีคำสั่งให้คู่กรณีจ่ายเงินชดใช้กว่า 100 ล้านบาท หากได้รับตามแผนที่เป็นการชำระก้อนเดียว บริษัทจะจัดสรรส่วนหนึ่งไปเป็นเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น และนำส่วนที่เหลือไปลงทุนซื้อ BTC เพิ่มเติมเพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านสินทรัพย์
ด้านธุรกิจเหล็กซึ่งยังคงเป็นธุรกิจหลักของ ZIGA ซึ่งบริษัทได้ปรับปรุงและขยายเครื่องจักรตามรอบวาระ รวมถึงปรับกลยุทธ์ลดการพึ่งพาลูกค้ารายใหญ่ โดยหันมาเน้นจำหน่ายแบบ B2C (Business-to-Consumer) มากขึ้น ปัจจุบันลูกค้ารายใหญ่เหลือเพียง 30% ขณะที่อีก 70% เป็นลูกค้ารายย่อย การปรับกลยุทธ์ดังกล่าวเริ่มเห็นผลชัดเจน ช่วยให้ผลประกอบการของบริษัททยอยฟื้นตัวและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ZIGA มั่นใจว่าการเดินหน้ากลยุทธ์ลงทุนใน BTC ควบคู่กับการปรับโครงสร้างธุรกิจเหล็ก จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืนแก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
