ONSENS พร้อมทะยาน  สูตรดึงลูกค้าปั้นมาร์จิ้น

#ONSENS #ทันหุ้น – ONSENS เทรดวันนี้ผู้บริหารชี้โมเดลจับคนลงกล่องมาร์จิ้นสูง ชี้เทรนด์รุ่นใหม่ดูแลสุขภาพเดินหน้าดึงลูกค้าใช้บริการช่วงออฟพีคทำกำไรทันที พร้อมดันค่าใช้จ่ายต่อหัวเพิ่ม พลิกโฉมสปา KLAI ดีงนักท่องเที่ยว และ PAK ปฏิวัติสปาห้องแถว รุกโครงการใหญ่ Social Wellness Hotel and Spa ทองหล่อ โบรกเคาะเป้า 2.80-3.40 บาท

                วันนี้ (7 ต.ค.) บริษัท ออนเซ็น รีทรีต แอนด์ สปา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ONSENS จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยมีราคาไอพีโอที่ 2.05 บาท

                นายสมิทธิ์  เมฆอรุณกมล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ONSENS เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า บริษัทเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ที่นำ ออนเซ็น เข้ามาเป็นแห่งแรกในประเทศไทยด้วยแนวคิด สปาที่ครบวงจร ผสมผสาน วัฒนธรรมการแช่ออนเซ็นกับ วัฒนธรรมการนวดของไทย ซึ่งบริษัทไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นแค่ Spa แต่เป็นที่สร้างพื้นที่ให้คนเมืองมาหลีกหนีความวุ่นวาย, ป้องกัน และ ซ่อมแซมร่างกาย เป็นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ซึ่งเป็นเทรนด์ที่คนตื่นตัวมาก โดยรูปแบบบริการ มีทั้งออนเซ็น สปา ร้านอาหาร และร้านกาแฟ ลูกค้าสามารถซื้อบัตร Day Pass อยู่ได้ทั้งวัน โดยไม่เร่งรีบให้ลูกค้ากลับบ้าน ราคา Day Pass เริ่มต้นที่ประมาณ 650 บาท โดยบ่อออนเซ็น ใช้แนวคิด City Onsen ต้องใช้ น้ำแร่จริงๆ อย่างน้อยหนึ่งบ่อ และมีบ่อหลากหลาย เช่น น้ำร้อน น้ำเย็น น้ำโซดา และมีซาวน่า/ห้องสตีม

              ขณะที่การเติบโต จำนวนผู้เข้าใช้บริการ 3 สาขาในไทย เติบโตขึ้นจาก 18,000 คน จนถึง 26,000 คนต่อเดือนในช่วง 3 ปี ซึ่งตามข้อมูลตลาดมีการเติบโต 9% ต่อปี แต่ปัจจุบันคาดว่าจะโตสูงกว่านั้นเนื่องจากกระแส Wellness เป็นเมกะเทรนด์ คนรุ่นใหม่ (Gen Y, Gen Z) หันมาดูแลสุขภาพแบบองค์รวมมากขึ้น เช่น การออกกำลังกาย การกินอาหารดี การนวด และการซาวน่า

@ มาร์จิ้นสูง

                ทั้งนี้รายได้หลักมาจากออนเซ็นและสปา (86%)  โดยแบ่งเป็น ออนเซ็น 60% และ สปา 40%  มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 45% เนื่องจากโมเดลธุรกิจของบริษัทคือการคนใส่กล่อง ทำให้มี Operating Leverage ค่อนข้างสูง เนื่องจากต้นทุนส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ ดังนั้นบริษัทจะเร่งเพิ่มจำนวนคนเข้าใช้บริการ และเพิ่มการจ่ายต่อหัวนิวไฮต่อเนื่องปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 740 บาท ซึ่งจะทำให้มีกำไรเข้ามาทันที

@ ครบไซซ์สปา

                บริษัทมีพอร์ตโฟลิโอแบรนด์ครบถ้วน โดย นอกจากแบรนด์ออนเซ็น Yunomori ที่มีอยู่ 4 สาขา สุขุมวิท 26, สาทร และพัทยา รวมถึงสาขาที่สิงคโปร์ ซึ่งถือว่าเป็นไซซ์ L แล้วยังมีแบรนด์ KLAI ที่จะนำเสนอศาสตร์การนวดไทยและแพทย์แผนไทยแบบ Modernized ใช้สมุนไพรท้องถิ่นที่น่าสนใจมาเล่าใหม่ จับกลุ่มนักท่องเที่ยวราคาเริ่มต้นที่ 600 บาทต่อชั่วโมงเป็นไซซ์ M และเดินหน้าแบรนด์ Park Massage เป็นไซซ์ S ซึ่งคอนเซ็ปต์คือ ร้านสะดวกนวด สร้างสปาห้องแถว ให้มีมาตรฐานด้านความสะอาด ฝีมือ และบุคลากร ราคาเริ่มต้นที่ 350 บาทต่อชั่วโมง โดยจะเปิดใน Hypermarket, Community Mall หรือเป็น Stand Alone สาขาแรกที่แม็คโคร นราธิวาส ตั้งเป้าขยายแบรนด์ KLAI และ PAK อย่างน้อย 7 สาขา ภายในปี 2570

                นอกจากนี้ยังจะนำเงินไอพีโอดำเนินโครงการ Social Wellness Hotel and Spa  ซึ่งเป็นเรือธงใหม่ ขนาด XL ที่ทองหล่อ ตอบโจทย์ 3 เทรนด์หลัก คือ Human Clinic หรือ การซ่อมแซมบำรุงรักษาร่างกาย, Social Wellness กิจกรรมสุขภาพที่ทำกันเป็นกลุ่ม และ Travel Wellness โดยจะเป็น Wellness Hub ที่รวมบริการดูแลสุขภาพต่างๆ เช่น โยคะ คลินิกกายภาพ และเป็นครั้งแรกที่จะมีโซนแช่น้ำที่ผู้หญิงกับผู้ชายสามารถแช่ร่วมกันได้ โดยต้องใส่ชุดว่ายน้ำ และสามารถนำกล้องถ่ายรูปเข้าไปได้ เพื่อตอบโจทย์ Social Wellness

                “การเข้าตลาดครั้งนี้เป็นเพียง จุดเริ่มต้น เพื่อปลดล็อกเรื่องเงินทุน หลังจากใช้ทุนตัวเองมาตลอด 13 ปี เพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง โดยบริษัทเตรียมที่จะจับกลุ่มนักออกกำลังกายเพื่อเสริมการเข้าใช้บริการในช่วงที่ไม่ใช่ช่วงพีคเช่นช่วงเช้าเป็นต้น” นายสมิทธิ์ กล่าว

@ มั่นใจผลตอบรับดี

                ด้านนายสมภพ  กีระสุนทรพงษ์  กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (FSS) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่าย เปิดเผยกับ “ทันหุ้น”  มั่นใจจะได้รับการตอบรับที่ดี โดยไอพีโอที่ 2.05 บาท แม้จะคิดเป็นพี/อี 29 เท่า แต่นั้นเป็นเพียงผลประกอบการที่มีค่าใช้จ่ายครั้งเดียวกันก่อนเข้าตลาด ขณะที่เทียบราคาต่อมูลค่าบัญชีหลัง IPO อยู่ที่เพียง 1.5 เท่า ซึ่งถือว่าไม่สูง ที่จากการจองที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีมากเป็นผลมาจาก Business Model ที่มีความแตกต่าง และภาวะที่ตลาด IPO ที่ของขาด มีผู้ลงทุนจองซื้อหุ้นมากกว่า 4,600 ราย โดยบริษัทหลักทรัพย์ทั้ง 5 แห่งที่ร่วมเสนอขายได้ประเมินช่วงราคาเหมาะสมปี 2569 ไว้ที่ 2.80-3.40 บาท ยิ่งทำให้หุ้น ONSENS น้องใหม่ไอพีโอตัวนี้ เป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจและมีความโดดเด่นอีกตัวหนึ่ง