ORI จับตาโค้งท้ายพีค จ่อบุ๊กโอน 6 โครงการ

#ORI #ทันหุ้น – ORI ส่งสัญญาณไตรมาส 4/2568 ผลงานสูงสุดของปี จากการโอน 6 โครงการพร้อมกัน รวมถึงรับรู้ Backlog กว่า 1.09 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันเดินหน้าเปิดโครงการใหม่เพิ่ม 3 โครงการ รวมมูลค่าเปิดตัวปีนี้แตะ 1.3 หมื่นล้านบาท พร้อมขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT–ปิดดีลขายหุ้นโรงแรม เพิ่มเงินสดกว่า 500 ล้านบาท เสริมสภาพคล่องรับแผนเติบโตต่อเนื่องปี 2569–2570
นายปิติพงษ์ ไตรนุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม (Co-CEO) บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/2568 มีแนวโน้มจะเป็นไตรมาสที่มีการเติบโตดีที่สุด (New High) ของปี 2568 จากการรับรู้ยอดโอนกรรมสิทธิ์ จำนวน 6 โครงการ ได้แก่ ดิ ออริจิ้น บางแค, ดิ ออริจิ้น พหล57, ดิ ออริจิ้น สุขุมวิท แพรกษา, ดิ ออริจิ้น กะทู้ – ป่าตอง, ออริจิ้น เพลย์ บางแสน และออริจิ้น เพลส ขอนแก่น กัลปพฤกษ์
พร้อมกันนี้ บริษัทยังคงแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวมราว 5,800 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวโครงการ ออริจิ้น เรสซิเดนซ์ ภูเก็ต บางเทา คอนโดมิเนียมสุดหรูเลี้ยงสัตว์ได้ ในรูปแบบเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ระดับพรีเมียมซึ่งบริหารโดยเชนแมริออท ปัจจุบันเปิดให้ลูกค้าจองสิทธิ์รอบ First Premier Online Booking และได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม ส่งผลให้บริษัทจะมีมูลค่าการเปิดตัวโครงการใหม่อยู่ที่ 13,000 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียม มูลค่า 8,000 ล้านบาท และโครงการแนวราบ มูลค่า 5,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) รวมทั้งสิ้นกว่า 4.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น Backlog จากโครงการที่บริษัทพัฒนาเอง 22,993 ล้านบาท และ เป็น Backlog จากโครงการร่วมทุน 17,987 ล้านบาท ซึ่ง Backlog ดังกล่าว จะทยอยรับรู้ในไตรมาส 4/2568 ประมาณ 10,967 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปถึงปี 2571
*เล็งขายทรัพย์เข้ากองรีท
นางสาวกนกไพลิน วิไลแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ORI เปิดเผยว่า ภายในช่วงที่เหลือของปี 2568 บริษัทมีแผนขายทรัพย์ประกอบด้วย โรงแรม Staybridge ทองหล่อ และคลังสินค้าเข้าทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (กอง REIT)
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปิดดีลขายหุ้นโรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ ทั้งหมดให้ “ตันบุญ” ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดรับสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 500 ล้านบาท สามารถบันทึกกำไรได้ในไตรมาส 4/2568 ทันที ซึ่งเป็นไปตามแผนกลยุทธ์มุ่งเน้นการพัฒนา และยกระดับศักยภาพการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรม และ สร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Added) ให้กับกลุ่มธุรกิจโรงแรม โดยกลยุทธ์ดังกล่าวช่วยปลดล็อกมูลค่าที่แท้จริงของทรัพย์สินโรงแรม (Unlock Asset Value) ทั้งยังเอื้อต่อการขยายการลงทุนในอนาคต รวมถึงสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้แผนการพัฒนาระยะยาวของกลุ่มบริษัท
*มั่นใจผลงานโตต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทประเมินว่าความต้องการที่อยู่อาศัย (Demand) กับจำนวนโครงการ (Supply) จะเริ่มเข้าสู่จุดสมดุลในระยะ 1-2 ปี เนื่องจากปัจจุบันผู้ประกอบการหลายรายชะลอแผนเปิดโครงการ รวมถึงสถาบันการเงินก็ชะลอการปล่อยสินเชื่อมาตลอดระยะ 1-2 ปีที่ผ่านมา
ทางบริษัทจึงปรับกลยุทธ์ร่วมกับพันธมิตรสถาบันการเงินหลายแห่ง สร้างฐานนะทางการเงินให้ลูกค้า โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าเป้าหมายที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย (Real Demand) ผ่อนดาวน์โดยตรงกับโครงการเมื่อครบ 12 เดือนก็สามารถนำไปยื่นขออนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ง่ายขึ้น
เบื้องต้นบริษัทอยู่ระหว่างจัดทำแผนการดำเนินงานปี 2569 โดยจะยังพัฒนาโครงการทั้งแนวราบ และคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพ ควบคู่กับการระบายโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ โดยบริษัทคาดกำไรสุทธิปี 2569 จะอยู่ที่ 1,126 ล้านบาท เติบโต 5% YoY
ขณะเดียวกันกลุ่มธุรกิจโรงแรม และคลังสินค้าก็จะเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ควบคู่กับการขยายพื้นที่ศักยภาพในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายเข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ ขอนแก่นและนครราชสีมา ตั้งเป้าผลักดันกำไรสุทธิปี 2570 เติบโต 32% YoY แตะ 1,484 ล้านบาท
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
