BANPU ลุยอัพอีบิทดาเกิน2พันล้านดอลล์

#BANPU #ทันหุ้น - BANPU เผยหลังควบรวมกับ BPP เสร็จบริษัท NewCo จะยังคงใช้ชื่อ “บ้านปู” -เป็นมากกว่าโฮลดิ้งคอมพานี  จากปลดล็อกมูลค่าธุรกิจ ผลดำเนินงาน-ฐานะการเงินดีขึ้น มุ่งลงทุนธุรกิจ “ก๊าซ-ไฟฟ้า” มั่นใจปี 2573 อีบิทดากว่า 2 พันล้านดอลลาร์ โต 1.5 เท่าจากปี 2567   มองไตรมาส 4/2568 ธุรกิจถ่านหิน-ก๊าซ ดีมานด์พุ่ง  คงเป้ายอดขายถ่านหินปีนี้ 40.1 ล้านตัน

นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า  หลังจากการควบรวมระหว่าง BANPU และ บริษัท บ้านปู พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP เสร็จ บริษัท NewCo จะยังคงใช้ชื่อว่า บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU และ บริษัท NewCo จะเป็นมากกว่าบริษัทโฮลดิ้งคอมพานี  เพราะจะการกระจายธุรกิจขึ้น โดยจะมีสัดส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้าเข้ามากขึ้น

@ยัน NewCo แจ่ม

รวมถึง บริษัท NewCo จะมี 4 กลุ่มธุรกิจชัดเจน  คือ ธุรกิจเมืองแร่ยุคใหม่ ก๊าซธรรมชาติ โรงไฟฟ้า  และ เทคโนโลยีแห่งอนาคต  ซึ่งการลงทุนในดาต้าเซ็นเตอร์ ก็จะอยู่ในกลุ่มนี้ จากปัจจุบันที่บริษัทได้มีการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์แล้วโดยผ่านกองทุนในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งหากมีโอกาสลงทุนในไทย และเอเชีย สนใจลงทุน

ส่วนการลงทุนใน การดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์   (CCUS) บริษัทมีโครงการที่จะทำอีก 5 โครงการ ที่จะ FID แบ่งเป็น ในปี 2569 จำนวน 2 โครงการ และอีก 3 โครงการก็จะ FID ตั้งแต่ปี 2570 เป็นต้นไป หลังจากที่โครงการแรกโครงการ  Barnett Zero ที่ฝั่งลงดินไปแล้ว 1.83 แสนตัน  ซึ่งในอนาคตโครงการก็จะมีขนาดใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ  โดยการลงทุนของบริษัท  NewCo ในอนาคตจะเน้นลงทุนในธุรกิจก๊าซ และโรงไฟฟ้า โดยตั้งงบลงทุนในช่วง 5 ปี อยู่ที่ 3,000  ล้านดอลลาร์

“การปรับโครงสร้างครั้งนี้ อยากให้ผู้ถือหุ้นมั่นใจว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น และเป็นผลดีกับผู้ถือหุ้น ซึ่งพนักงานกลุ่มของบริษัทก็ตื่นเต้นมาก และตัวเองก็มีการตื่นเต้นเช่นกัน  ซึ่งในวันที่ 1-25 ธันวาคม นี้จะเปิดรับซื้อหุ้น BPP และในวันที่ 29 ก็จะมีการประชุมผู้ถือหุ้นของทั้ง 2 บริษัท เพื่ออนุมัติการควบรวมกิจการ ซึ่งบริษัท NewCo จะมีมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 10 บาท จำนวนหุ้นอยู่ที่ 4,049.62 ล้านหุ้น ซึ่งส่วนตัวมองเป็นระดับที่เหมาะสม”

@อีบิทดาเกิน 2 พันล้านดอลล์

ทั้งนี้ภายหลังการควบรวมเสร็จ บริษัท NewCo และมีผลดำเนินงานที่ดีขึ้น จากการเพิ่มมูลค่าธุรกิจในกลุ่ม  โดยตั้งเป้าหมายจะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (อีบิทดา) กว่า 2,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1.5 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2567 อยู่ 1,330 ล้านดอลลาร์   และทำให้ฐานะการเงินของบริษัทปรับตัวดีขึ้น โดยอัตราหนี้สินต่อทุนบริษัทจะต่ำกว่า 1 เท่า ทำให้บริษัทสามารถลงทุนต่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคตได้ และบริษัทคาดว่าอันดับเครดิตเรตติ้งของบริษัทจะยังคงอยู่ที่ระดับ A+ จากทริสเรทติ้งได้

ดร.กิรณ  ลิมปพะยอม  ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ  บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ  BANPU  กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายถ่านหินปี 2568 อยู่ที่ 40.1 ล้านตัน แบ่งเป็น เหมืองที่อินโดนีเซีย จำนวน 24.5 ล้านตัน เหมืองที่ออสเตรเลีย 7.6  ล้านตัน และเหมืองที่จีน 8 ล้านตัน  ซึ่งราคาขายถ่านหินในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี จากเป็นช่วงหน้าหนาว ทำให้มียอดขายดีขึ้น  ส่วนธุรกิจไฟฟ้าบริษัทมีกำลังการผลิตในมือจำนวน 4,920 เมกะวัตต์ ก็จะเดินหน้าในการลงทุนต่อเนื่อง