รีเซต

ถอดรหัสAIไทยต้นน้ำ DELTA-ICT-โรงไฟฟ้า

ถอดรหัสAIไทยต้นน้ำ DELTA-ICT-โรงไฟฟ้า
ทันหุ้น
21 พฤศจิกายน 2568 ( 07:45 )

#บล.บัวหลวง#AI#ทันหุ้น -บล.บัวหลวงมอง บริษัทไทยหันนำ AI มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพ-ลดต้นทุน 48% มองหุ้นได้รับอานิสงส์  DELTA จากเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ รองมากลุ่มโรงไฟฟ้า -นิคมอุตสาหกรรม -ไอซีที ผลดีแห่ลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย

นายนภนต์ ใจแสน ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจ AI ของประเทศไทยในปัจจุบัน ยังอยู่ในเฟสของการลงทุนในส่วนต้นน้ำ คือ การลงทุนใน Data Center ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีการนำ AI ใช้มาเยอะ โดยประมาณ 48% ของบริษัทในประเทศไทยมีการนำ AI มาใช้งานจริง  แต่อีก 66% ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบต่อกำไรได้ ทำให้การสร้างกำไรจากการนำ AI มาใช้ยังมีผลน้อยอยู่ ซึ่งโครงการส่วนใหญ่ที่นำมาใช้อาจเป็นเพียง Pilot Project หรือโครงการเล็ก ๆ เท่านั้น โดยการนำ AI มาใช้ในองค์กร ยังเป็นการอยู่ในระหว่างช่วงทดลอง

@สร้าง ROI ต่ำ

โดยแม้ว่ากลุ่มผู้นำอย่างธนาคารจะมีการใช้ AI เพื่อพัฒนาการให้บริการ และลดต้นทุน แต่การประเมิน Impact และ ผลตอบแทนการลงทุน (ROI) จากการลงทุน AI ยังค่อนข้างยาก ซึ่ง AI ยังมีปัญหาและข้อจำกัดที่ต้องระวัง เช่น Hallucination (การสร้างข้อมูลที่ผิดพลาด) และปัญหาด้านกฎระเบียบ (Regulation) ที่ต้องจัดระเบียบอีกมาก จึงยังจำเป็นต้องทดลองลงทุนไปก่อน

ทั้งนี้มองว่าการลงทุนเรื่อง AI ถูกแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ 1.กลุ่มต้นน้ำ ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทที่เป็น Global Play ซึ่งมี DELTA ตัวเดียวที่เชื่อมโยงกับต่างประเทศ แต่ถ้าเป็นการลงทุนในประเทศจะเป็นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่ขายที่ดิน ซึ่งมองว่าผ่านจุด Peak ไปแล้ว เนื่องจากมีการซื้อที่ดินกันไว้หมดแล้ว

โดยต่อมาคือกลุ่มโรงไฟฟ้าและธุรกิจขายน้ำเข้านิคมอุตสาหกรรม เพื่อรองรับดีมานด์ Data Center ที่มาจากต่างประเทศ และอีกกลุ่มที่น่าสนใจ คือ ธุรกิจสายส่งไฟฟ้า เพราะต้องมีการขยาย Capacity และอัปเกรดระบบสายส่งเพื่อรองรับ Data Center

@ไอซีที

2.กลุ่มผู้นำ AI มาใช้จริง ซึ่งมีผลกระทบยังน้อยอยู่ โดยกลุ่มที่น่าสนใจ คือ ICT, Health, Food และ Packaging, 3.กลุ่มผู้ช่วยการลงทุน  เช่น System Integrator และ Consultant อย่าง BBIK, BE8 กลุ่มนี้อาจจะต้องเห็นภาพใน ระยะกลาง เป็นต้นไป (หลังจากที่เห็น Use Case ต่างๆ ชัดเจนแล้ว

ขณะที่ประเมินว่าผลกระทบที่ชัดเจนจะเริ่มเห็นได้ในอีกประมาณ 2-3 ปี ข้างหน้า โดยสัญญาณในปัจจุบัน คือ ความพยายามในการลงทุน Data Center และระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ Large Language Model (LLM) จากต่างประเทศ ซึ่งจุดเปลี่ยนที่สำคัญ คือ เมื่อการลงทุนขยับมาสู่อุปกรณ์ ยกตัวอย่างเช่น ผู้คนพร้อมที่จะเปลี่ยนไปใช้มือถือหรือ PC ที่รองรับ AI หรือมี AI ในรถยนต์ รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน จนคนต้องยอมจ่ายในราคาที่สูงขึ้นเพื่อใช้งาน

อย่างไรก็ดีความกังวลในฝั่งสหรัฐฯ ไม่ใช่แค่เรื่องฟองสบู่ AI แต่คือการต้องลงทุน AI อย่างต่อเนื่อง โดยมีความเสี่ยง คือ ไม่สามารถสร้างกำไรให้เกิดขึ้นจริง จากการลงทุนไปมาก ส่วนในประเทศไทยความเสี่ยงหลักคือไม่สามารถพัฒนา "คน" หรือไม่นำ AI มาใช้จริงจัง หากเป็นเช่นนั้น ประเทศไทยก็อาจจะเป็นได้แค่ Data Center Hub ที่ให้ต่างประเทศเข้ามาใช้น้ำใช้ไฟ

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง