ประวัติ อีลอน มัสก์ Elon Musk เจ้าพ่อยานยนต์พลังไฟฟ้า Tesla
ข่าววันนี้ Elon Musk “อีลอน มัสก์” ซีอีโอบริษัทรถยนต์พลังงานไฟฟ้า “เทสลา อิงค์” (Tesla Inc.) และบริษัทขนส่งทางอวกาศ “สเปซเอ๊กซ์” (SpaceX) ครองตำแหน่งบุคคลที่รวยที่สุดในโลก แซง “เจฟฟ์ เบโซส” ซีอีโอบริษัท “อเมซอนดอทคอม” ซึ่งได้ครองตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2017 หลังจากนั้น "อีลอน มัสก์ " มหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของโลก สร้างกระแสฮือฮามาพักใหญ่ ด้วยการทวิตเตอร์เกี่ยวกับ Bitcoin และ dogecoin จนทำให้ราคาเหรียญดิจิทัลทั้ง 2 นั้นปรับตัวขึ้นลงอย่างหวือหวา ทำเอานักลงทุนคริปโตทั่วโลกนั่งไม่ติด ต่างเฝ้าจับตาปฏิกิริยาของ อีลอน มัสก์ เพราะอาจส่งผลต่อแรงซื้อและแรงขายเหรียญดิจิทัลทั่วโลก วันนี้ trueID จะพาไปเปิดประวัติของเขาว่ากว่าจะมาเป็นวันนี้ เขามีที่มาอย่างไร?
ประวัติ อีลอน มัสก์ Elon Musk
ประวัติ อีลอน มัสก์
- อีลอน รีฟ มัสก์ (Elon Reeve Musk) เป็นนักธุรกิจและนักลงทุนชาวอเมริกัน-แอฟริกาใต้ ที่มีพ่อเป็นชาวแอฟริกาใต้ และแม่เป็นลูกครึ่งแคนาดา-อเมริกัน
- โดยเขาเกิดในประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อปี 2514 ใช้ชีวิตวัยเด็กขลุกตัวอยู่กับคอมพิวเตอร์และเรียนรู้การเขียนโปรแกรมด้วยตัวเอง จนสามารถเขียนโค้ดวิดีโอเกมขายได้ตั้งแต่อายุ 12 ปี ซึ่งแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้ อีลอน มัสก์ สนใจเรื่องเทคโนโลยี ก็มาจากการที่มีคุณพ่อทำงานเป็นวิศวกรนั่นเอง
- ทั้งยังเป็นวิศวกรและนักประดิษฐ์ เป็นผู้ก่อตั้งและผู้บริหารของบริษัทสเปซเอ็กซ์ และยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง, ผู้บริหารและสถาปนิกผลิตภัณฑ์ของเทสลามอเตอร์ส
- และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและประธานบริษัทของ PayPal ตลอดจนบริษัทอื่นอีกมากมาย
- นอกจากนี้เขายังเป็นผู้จุดประกายความคิดระบบขนส่งความเร็วสูงที่เรียกว่าไฮเปอร์ลูป และเครื่องบินใบพัดขับเคลื่อนไฟฟ้าเหนือเสียงแบบขึ้นลงทางดิ่ง
- ณ วันที่ 7 มกราคม 2021 เขาได้รับจัดอันดับให้เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกด้วยทรัพย์สินทั้งสิ้น 185 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แซงหน้าเจฟฟ์ เบโซส ผู้ก่อตั้ง บริษัทค้าปลีกออนไลน์แอมะซอน
- เป็นเจ้าของบริษัทด้านเทคโนโลยีชั้นนำอย่างเทสลาและสเปซเอ็กซ์ มีความมั่งคั่งสุทธิ (Net Worth) ที่ 1.85 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5.57 ล้านล้านบาท หลังจากราคาหุ้นของบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าเทสลาพุ่งสูงขึ้น
อีลอน มัสก์ เป็นคนที่ตั้งเป้าหมายแล้วมักจะทำให้สำเร็จได้เสมอ
- อีลอน มัสก์ เป็นคนที่ตั้งเป้าหมายแล้วมักจะทำให้สำเร็จได้เสมอ หลังจากที่ก่อตั้ง เทสลา มอเตอร์ (Tesla Motors, Inc.) ขึ้นในปี ค.ศ. 2003 เขามุ่งมั่นพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจังจนทำให้สามารถออกมาวิ่งได้จริงในระยะเวลาไม่กี่ปี และเทสลา ก็ก้าวขึ้นสู่ผู้นำด้านยนตรกรรมของโลกในเวลาอันรวดเร็ว
- รถยนต์โมเดลแรกของเทสลาคือ เทสลา โรดส์เตอร์ (Tesla Roadster) รถสปอร์ตสุดหรูที่วิ่งด้วยระบบพลังงานไฟฟ้า ปัจจุบันรถรุ่นนี้ยกเลิกการผลิตไปแล้ว เพราะเขาต้องการที่จะพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ที่ให้คนทั่วไปใช้ได้
- และนั่นก็เป็นที่มาของโมเดลที่สร้างชื่อและดังเปรี้ยงอย่าง เทสลา โมเดล เอส (Tesla Model S) ที่ยังคงถูกพัฒนาเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ แม้จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแต่เทสลา โมเดล เอส ก็สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 400 กม./ชม. ซึ่งทำให้ทุกคนเห็นประสิทธิภาพที่ดีไม่แพ้การใช้พลังงานฟอสซิลเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าปัจจุบันรถยนต์รุ่นนี้ราคาจะยังคงสูงลิ่วและมียอดจองยาวเหยียดจนต้องต่อแถวรอรับรถยนต์ที่จะผลิตเสร็จในปี ค.ศ. 2020 เลยทีเดียว
แต่เป้าหมายระยะยาวที่แท้จริงของ อีลอน มัสก์ คือการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้ราคาถูกลง เพื่อให้คนหันมาใช้กันมากขึ้น รวมถึงบริษัทผลิตรถยนต์รายอื่น ๆ ให้สนใจและหันมาพัฒนาและแข่งขันด้วยนวัตกรรมในตลาดนี้แทน นั่นเป็นเหตุผลเดียวกันที่ทำให้ไม่นานหลังจากนั้น เขาตัดสินใจยกเลิกสิทธิบัตรในการผลิตของเทสลาทั้งหมดเพื่อช่วยให้การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกดำเนินไปเร็วมากขึ้น
ความสำเร็จของเทสลา (TESLA)
- การที่จะพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าให้สำเร็จได้นั้นไม่ใช่แค่ว่าจะพัฒนาเพียงตัวรถยนต์แล้วจบตรงนั้น แผนพัฒนาที่ทำพร้อมกันไปก็คือการพัฒนาสถานีพลังงานตลอดจนแหล่งพลังงานสนับสนุนควบคู่กันไป เพื่อเป็นการรองรับทั้งระบบและให้ผู้ใช้งานรถไฟฟ้าเกิดความสะดวกด้วย
- เทสลาจึงเริ่มพัฒนา เทสลา ซูเปอร์ชาร์จ (Tesla Supercharger) สถานีเติมพลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรองรับรถยนต์ของเทสลาและเจ้าอื่น ๆ ในอนาคต ทั้งยังสร้างเครือข่ายขยายให้กระจายไปทั่วอเมริกาและทั่วโลกในอนาคตด้วย
- อีกด้านหนึ่ง อีลอน มัสก์ ก็ร่วมก่อตั้ง โซลาซิตี้ คอร์เปอเรชัน (SolarCity Corporation) ขึ้นในปี ค.ศ 2006 เพื่อทำธุรกิจผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์จำหน่าย จนในปี ค.ศ. 2016 เทสลาก็ซื้อบริษัทดังกล่าวเพื่อเป็นแหล่งพลังงานให้กับเทสลาไว้รองรับผู้บริโภคในอเมริกาและแคนาดา
การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์รวมและสร้างการเปลี่ยนแปลงโลกในทางที่ดีขึ้น เป็นหนึ่งในเรื่องที่น่ายกย่องของเขา
- ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้อาจเป็นเพียงไอเดียส่วนหนึ่งที่อยู่ในหัวของนวัตกรผู้เปลี่ยนโลกอย่าง อีลอน มัสก์ แต่สิ่งที่หลายคนยกย่องมากกว่าแผนธุรกิจของเขา คือวิสัยทัศน์ในองค์รวมที่ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจของตนเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์รวมและสร้างการเปลี่ยนแปลงโลกในทางที่ดีขึ้นได้ด้วย
- หนึ่งในเรื่องล่าสุดที่น่ายกย่องของเขา คือการประกาศเพื่ออนุญาตให้ทุกคนนำองค์ความรู้ตลอดจนทรัพย์สินทางปัญญาที่เทสลาจดสิทธิบัตรไว้ไปใช้ได้ฟรี หลายคนอาจจะมองว่านี่เป็นความคิดที่โง่เขลาและไม่เป็นผลบวกต่อธุรกิจของเขาเอาเสียเลย
- แต่เขากลับมองว่าการแบ่งปันความรู้ให้ใช้กันโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับมหภาค ทำลายกำแพงข้อจำกัดทางความคิด ไม่ต้องเสียเวลาหรือเสียทุนมหาศาลในการค้นคว้าวิจัย เมื่อมีการนำองค์ความรู้และนวัตกรรมไปต่อยอดได้ง่ายก็จะมีคู่แข่งทางธุรกิจที่ร่วมพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอย่างก้าวกระโดด
- และเมื่อรถยนต์พลังงานสะอาดได้รับความนิยมในวงกว้าง ราคาก็จะถูกลงจนทุกคนสามารถเข้าถึงและยินดีที่จะเปลี่ยนรถยนต์คันเก่าให้กลายเป็นรถยนต์ที่มีคุณภาพดีขึ้นและสะอาดขึ้น รวมทั้งธุรกิจการผลิตพลังงานสะอาดก็จะได้รับผลพลอยได้ตามไปด้วย
ข้อมูล : Wikipedia และ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
ภาพ : OnInnovation