รีเซต

จับตา “จีน” ผงาด ขึ้นแท่นผู้นำพลังงานสะอาดโลก ส่วน “สหรัฐฯ” ถอยหลังสู่ยุคถ่านหิน

จับตา “จีน” ผงาด ขึ้นแท่นผู้นำพลังงานสะอาดโลก ส่วน “สหรัฐฯ” ถอยหลังสู่ยุคถ่านหิน
TNN ช่อง16
9 กันยายน 2568 ( 10:00 )
19

จีนตอกย้ำบทบาทมหาอำนาจโลก ไม่เพียงแต่ขบวนพาเหรดทางทหารครั้งใหญ่ในกรุงปักกิ่ง แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือความก้าวหน้าด้านพลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีสะอาด ซึ่งกำลังเปลี่ยนทิศทางของภูมิรัฐศาสตร์และอนาคตของมนุษยชาติ


แม้จีนจะจัดแสดงรถถัง ปืนใหญ่ และขีปนาวุธในโอกาสครบรอบ 80 ปีแห่งชัยชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่สิ่งที่จะกำหนดระเบียบโลกใหม่กลับเป็นกังหันลม แผงโซลาร์เซลล์ และรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตจากโรงงานจีนและกระจายไปทั่วโลก นี่คือเหตุผลที่หลายฝ่ายมองว่าจีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ชนะในสมรภูมิพลังงานแห่งศตวรรษที่ 21 แล้ว


ตัวเลขสำคัญของจีน

  • GDP ต่อหัวต่อปี: 12,969 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 454,000 บาท) เทียบกับค่าเฉลี่ยโลกที่ 13,690 ดอลลาร์ (478,000 บาท)
  • การปล่อยคาร์บอนรวมต่อปี: 11.9 พันล้านตัน คิดเป็น 31.5% ของทั้งโลก สูงที่สุดในบรรดาประเทศ
  • การปล่อยคาร์บอนต่อหัว: 8.4 ตัน (ค่าเฉลี่ยโลก 4.7 ตัน)
  • แผนลดคาร์บอนล่าสุด (NDC): ปี พ.ศ. 2563
  • ประเมินแผนสภาพภูมิอากาศปัจจุบัน: “ไม่เพียงพออย่างยิ่ง”

รายงานชี้ว่า จีนอาจถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ โดยในปีที่ผ่านมา การปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงเล็กน้อย ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นสัญญาณว่าการใช้คาร์บอนของจีนอาจถึงจุดสูงสุดในเร็ว ๆ นี้ หากยืนยันได้จริง นี่อาจเป็นเหตุการณ์สำคัญยิ่งกว่าการที่สหรัฐฯ ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ ถอนตัวจากการเจรจาสภาพภูมิอากาศสหประชาชาติ


รัฐบาลจีนมีกำหนดเปิดเผยแผนลดคาร์บอนฉบับปรับปรุง (NDC) ก่อนการประชุมสมัชชาสหประชาชาติในเดือนหน้า ซึ่งจะเป็นหนึ่งในประกาศที่ทั่วโลกจับตามากที่สุด เพราะจีนคือประเทศเดียวที่สามารถทำให้เป้าหมายข้อตกลงปารีส (ควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5–2 องศาเซลเซียส) สำเร็จหรือล้มเหลวได้


แม้เศรษฐกิจจีนชะลอตัว แต่การลงทุนด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาดยังคงพุ่งสูงอย่างน่าทึ่ง ปีที่ผ่านมา โครงการกังหันลมและโซลาร์ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างของจีนมีปริมาณมากกว่าทั้งโลกที่เหลือรวมกันถึงสองเท่า ทำให้จีนบรรลุเป้าหมายติดตั้งกำลังผลิตพลังงานหมุนเวียน 1,200 กิกะวัตต์ ได้เร็วกว่ากำหนดถึง 6 ปี

นอกจากนี้ จีนยังครองตลาดโลกในฐานะผู้ผลิตอุปกรณ์พลังงานสะอาดรายใหญ่ ทั้งกังหันลม เซลล์แสงอาทิตย์ และรถยนต์ไฟฟ้า โดยปีที่ผ่านมา ผู้ผลิตกังหันลมรายใหญ่ที่สุด 4 อันดับแรกของโลกทั้งหมดมาจากจีน


อย่างไรก็ตาม ความจริงอีกด้านคือการลงทุนในถ่านหินของจีนยังคงสูงขึ้น โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีการอนุมัติและก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในระดับสูงที่สุดในรอบทศวรรษ สะท้อนถึงแรงกดดันด้าน “ความมั่นคงทางพลังงาน” โดยเฉพาะหลังวิกฤตภัยแล้งปี 2564–2565 ที่ทำให้ไฟฟ้าพลังน้ำลดลงอย่างมาก


นักวิเคราะห์มองว่า หากจีนต้องการแสดงบทบาทผู้นำโลกที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ควรกำหนดมาตรการเข้มงวด เช่น ยุติโครงการถ่านหินใหม่ กำหนดเป้าหมายเชิงภาคส่วนในรถยนต์ไฟฟ้า การผลิตเหล็กสะอาด และประสิทธิภาพอาคาร ตลอดจนกำหนดการลดการปล่อยคาร์บอนในระยะยาวอย่างชัดเจน และถึงแม้ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าจีนไม่น่าจะปรับเป้าสอดคล้องกับเส้นทางจำกัดโลกร้อน 1.5 องศาเซลเซียส (ต้องลดคาร์บอน 30% ภายใน พ.ศ. 2578) แต่ก็มีแนวโน้มที่จะให้คำมั่นลดลง 8–15% และอาจบรรลุได้มากกว่าที่ประกาศจริง


หากจีนสามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 30% ภายใน 10 ปีข้างหน้า นักวิเคราะห์ประเมินว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจมหาศาล โดยอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดของจีนอาจมีมูลค่าเพิ่มขึ้นสองเท่าภายในปี พ.ศ. 2578 สร้างรายได้เพิ่มถึง 15 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 73.5 ล้านล้านบาท (2.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ)


ในขณะที่สหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์หันหลังให้กับการรับมือโลกร้อน ยกเลิกโครงการพลังงานสะอาดกว่า 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 770,000 ล้านบาท) และหันกลับสู่ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซ จีนกลับเดินหน้าเต็มกำลังในพลังงานสะอาด และแม้ยังมีข้อกังขาเรื่องการใช้ถ่านหิน แต่บทบาทของจีนในเวทีโลกไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป เพราะการตัดสินใจของปักกิ่งจะเป็นตัวกำหนดว่ามนุษยชาติจะสามารถรักษาเส้นทางข้อตกลงปารีส และอนาคตของภูมิอากาศโลกไว้ได้หรือไม่

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง