เรือดำน้ำนิวเคลียร์ ฝันที่เกินตัวของญี่ปุ่น ? ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองโลกระอุ

เรือดำน้ำนิวเคลียร์ เป็นทั้งเทคโนโลยีทางทหารขั้นสูงที่สำคัญต่อความมั่นคงของชาติ และเป็นสัญลักษณ์ความเป็นชาติมหาอำนาจทางการทหารด้วย ในปัจจุบัน มีเพียง 6 ประเทศในโลก ที่มีเรือดำน้ำนิวเคลียร์ และมี 2 ชาติ คือบราซิล และออสเตรเลีย ที่อยู่ระหว่างพัฒนา แต่ล่าสุด ชาติใหม่ที่สนใจจะสร้างเรือดำน้ำนิวเคลียร์ ก็คือญี่ปุ่น
ภาพรวมเรือดำน้ำญี่ปุ่นในปัจจุบัน
ปัจจุบัน กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลของญี่ปุ่น มีเรือดำน้ำประจำการทั้งหมด 23 ลำ โดยมีเรือดำน้ำชั้นไทเกอิ (Taikei-class submarine) เป็นเรือดำน้ำที่ทันสมัยที่สุด
เรือดำน้ำชั้นไทเกอิ เป็นเรือดำน้ำโจมตี (Attack submarine) พลังงานแบตเตอรี่ลิเทียมไออน - เครื่องยนต์ดีเซลระวางขับน้ำ 3,000 ตัน ความยาว 84 เมตร ความกว้าง (Beam) 9.1 เมตร ติดตั้งเรดาร์ค้นหาทางอากาศและผิวน้ำแบบ ZPS-6H พร้อมโซนาร์ Oki ZQQ-8 ติดตั้งท่อยิงอาวุธแบบ HU-606 จำนวน 6 ท่อ รองรับทอร์ปิโด และมิสไซล์แบบ Harpoon
เรือดำน้ำญี่ปุ่นในปัจจุบัน อาจยังไม่พอ
แต่แม้จะมีทั้งคุณภาพและปริมาณ แต่ญี่ปุ่นมองว่า ก็ยังไม่เพียงพอต่อสถานการณ์ความมั่นคงของประเทศ สภาที่ปรึกษาเพื่อการเสริมกำลังป้องกันประเทศขั้นพื้นฐาน จึงเรียกร้องให้รัฐบาล ดำเนินการพัฒนาเรือดำน้ำ โดยใช้เทคโนโลยีที่ดีกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ตามรายงานระบุว่า เรือดำน้ำในอนาคตของญี่ปุ่น ต้องติดตั้งระบบยิงแนวดิ่ง (Vertical Launch System: VLS) สำหรับภารกิจโจมตีระยะไกล สามารถเดินทางได้ไกลขึ้น อยู่ใต้น้ำได้นานขึ้น และปฏิบัติการได้เงียบขึ้น
ซึ่งสเปกที่พูดมาทั้งหมดนี้ ต้องการระบบขับเคลื่อนที่เหนือกว่าความสามารถของระบบดีเซล-ไฟฟ้าแบบดั้งเดิม และความจริงมันก็มีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือ พลังงานนิวเคลียร์
ความท้าทายในการครอบครองเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น
แต่ถ้าหากญี่ปุ่นเลือกที่จะเดินเส้นทางนี้ ก็มีอุปสรรคมหาศาลรออยู่ 3 ด้าน ด้วยกัน ได้แก่ กฎหมาย เทคโนโลยี และงบประมาณ
กฎหมายของญี่ปุ่น
กฎหมายของญี่ปุ่น จำกัดความสามารถทางการทหารของตัวเองหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เอาไว้เพื่อการป้องกันประเทศ ทำให้ญี่ปุ่น ไม่สามารถผลิต ครอบครอง หรือเป็นเจ้าของอาวุธนิวเคลียร์ได้
และเรือดำน้ำนิวเคลียร์เป็นสิ่งที่เคยถกถียงในปี 2001 ซึ่งสุดท้ายก็ถูกรัฐบาลปัดตก และในเดือนกันยายน 2024 ที่ผ่านมา หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรี โยชิมาสะ ฮายาชิ กล่าวว่า ญี่ปุ่น "ไม่มีแผนที่จะครอบครองเรือดำน้ำนิวเคลียร์ และการทำเช่นนั้นจะ "เป็นเรื่องยากภายใต้กฎหมายปัจจุบัน"
เทคโนโลยี
ด้านเทคโนโลยี เรือดำน้ำนิวเคลียร์แบ่งเป็น 3 ค่ายหลัก คือค่ายสหรัฐอเมริกา NATO โดยฝรั่งเศส และค่ายรัสเซียกับจีน
ญี่ปุ่นที่ไม่มีเทคโนโลยีเรือดำน้ำนิวเคลียร์เป็นของตัวเอง จึงต้องมองหาความร่วมมือ และความร่วมมือที่ว่านี้ อาจเป็น AUKUS หุ้นส่วนความมั่นคงระหว่างสหรัฐอเมริกา - สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย
AUKUS เกิดขึ้นเพื่อยกระดับความมั่นคงและเทคโนโลยีทางการทหารให้ออสเตรเลีย โดยมีแกนกลางที่เรียกว่า 2 เสาหลัก ได้แก่
- เสาหลักที่ 1 ตั้งฐานทัพและจัดหาเรือดำน้ำโจมตีพลังงานนิวเคลียร์ให้ออสเตรเลีย
- เสาหลักที่ 2 พัฒนา 6 ด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการรบ เช่น ควอนตัม, AI, Cyber Warfare, Electronic Warfare และเทคโนโลยีข่าวกรอง
ญี่ปุ่นได้มีความพยายามเข้าร่วมกับ AUKUS แต่ก็ยังถูกจำกัดไว้ที่เสาหลักที่ 2 เท่านั้น เนื่องจากสหรัฐอเมริกา กลัวความลับเทคโนโลยีเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของตัวเองรั่วไหล โดยครั้งแรกและครั้งเดียวที่อเมริกาถ่ายทอดเทคโนโลยีนี้ให้ ก็คืออังกฤษ ในปี 1958
งบประมาณ
แต่เหนือสิ่งอื่นใดคืองบประมาณ แม้ว่าต่อให้ภัยคุกคามในมุมมองของญี่ปุ่นจะทวีความรุนแรงมากขึ้น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าต้นทุนที่ต้องจ่ายก็จะต้องสูงขึ้นตามไปด้วย
ในขณะที่เรือดำน้ำชั้นไทเกอิของญี่ปุ่นมีราคาลำละ 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 25,900 ล้านบาท แต่เรือดำน้ำนิวเคลียร์จากอเมริกา อย่างเรือดำน้ำชั้น Virginia มีราคาลำละไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 129,700 ล้านบาท และยังไม่รวมงบประมาณ สำหรับโครงสร้างพื้นฐานนิวเคลียร์ในประเทศ การฝึกอบรมเฉพาะทาง และโรงงานบำรุงรักษาในระยะยาว
บทสรุป
กฎหมายของญี่ปุ่น จำกัดความสามารถทางการทหารของตัวเองไม่ให้มีเรือดำน้ำนิวเคลียร์ ส่งผลให้ขาดเทคโนโลยีอาวุธในประเทศ แต่การจะพึ่งพาความร่วมมือจากต่างประเทศก็เป็นอุปสรรค อีกทั้งยังมีงบประมาณที่ต้องวางแผนให้รอบคอบ ดังนั้น หากญี่ปุ่นต้องการมีเรือดำน้ำนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง ก็ต้องเอาชนะอุปสรรคทั้ง 3 อย่างนี้ให้ได้ แต่นั่นก็อาจกลายเป็นดาบสองคม ที่ทำให้เกิดการสะสมอาวุธมากขึ้นในพื้นที่โดยรอบได้เช่นกัน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
