รีเซต

จับตา “บราซิล” ใน COP30 เตรียมชงแผนเชื้อเพลิงชีวภาพ นักอนุรักษ์ชี้ระวังเป็น “กับดักสีเขียว”

จับตา “บราซิล” ใน COP30  เตรียมชงแผนเชื้อเพลิงชีวภาพ  นักอนุรักษ์ชี้ระวังเป็น “กับดักสีเขียว”
TNN ช่อง16
20 ตุลาคม 2568 ( 11:30 )
7

รัฐบาลบราซิลเตรียมเสนอให้ประเทศต่าง ๆ ที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำด้านสภาพภูมิอากาศ COP30 ที่จะจัดขึ้นในเมืองเบเลง เดือนพฤศจิกายนนี้ ร่วมกันเพิ่มการใช้ “เชื้อเพลิงยั่งยืน” ทั่วโลกให้มากขึ้นถึง 4 เท่า ภายในทศวรรษหน้า เมื่อเทียบกับปี 2567

เชื้อเพลิงยั่งยืนดังกล่าวครอบคลุมถึงเชื้อเพลิงชีวภาพ (biofuels) แก๊สชีวภาพ (biogas) รวมถึงไฮโดรเจน ซึ่งบราซิลมองว่าเป็นพลังงานสะอาดที่จะช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลและลดการปล่อยคาร์บอน โดยบราซิลถือเป็นผู้ผลิตเอทานอลรายใหญ่อันดับสองของโลก ซึ่งผลิตจากพืช เช่น อ้อย

อย่างไรก็ตาม นักสิ่งแวดล้อมและองค์กรด้านพลังงานสีเขียวได้ออกมาเตือนว่า การขยายการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพอาจนำไปสู่ การตัดไม้ทำลายป่าในวงกว้าง การเปลี่ยนพื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์ให้กลายเป็นไร่พืชเชิงเดี่ยว เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง และอ้อย อีกทั้งยังแย่งพื้นที่เพาะปลูกอาหารของประชากรโลก

รายงานของ Transport and Environment (T&E) ซึ่งเผยแพร่เมื่อต้นเดือนตุลาคม ระบุว่า เชื้อเพลิงชีวภาพในปัจจุบัน ก่อให้เกิดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิลถึง 16% เนื่องจากผลกระทบทางอ้อมจากการทำเกษตรและการตัดไม้ทำลายป่า

นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า ภายในปี พ.ศ. 2573 การปลูกพืชเพื่อผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพจะต้องใช้พื้นที่เท่ากับ “ประเทศฝรั่งเศสทั้งประเทศ” รวมถึงน้ำมันพืชทั่วโลกประมาณ 20% ถูกนำไปใช้กับรถยนต์แทนที่จะเป็นอาหาร ส่วนการขับรถระยะทาง 100 กิโลเมตร ด้วยเชื้อเพลิงชีวภาพ ต้องใช้น้ำมากถึง 3,000 ลิตร และหากใช้แผงโซลาร์เซลล์แทน จะสามารถผลิตพลังงานได้เท่ากัน โดยใช้พื้นที่เพียง 3% ของที่ใช้ปลูกพืชพลังงาน

นักวิเคราะห์จากองค์กรสิ่งแวดล้อม 350.org ระบุว่า แม้บราซิลอาจมีเจตนาดีในการผลักดันเชื้อเพลิงยั่งยืน แต่การเสนอให้ “เชื้อเพลิงชีวภาพ” เป็นเสาหลักร่วมกับพลังงานหมุนเวียน อาจสร้างความสับสนและเบี่ยงเบนเป้าหมายหลักของโลกในการเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

การขยายพื้นที่เพาะปลูกเพื่อผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพยังทำให้ความมั่นคงทางอาหารถดถอยลง และส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะในพื้นที่ป่าฝนเขตร้อนซึ่งเป็นแหล่งดูดซับคาร์บอนสำคัญของโลก

ในรายงานยังชี้ว่า อิตาลีและญี่ปุ่น ได้แสดงความสนใจเข้าร่วมแนวคิดนี้แล้ว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าอาจเป็นการใช้แนวคิด “เชื้อเพลิงยั่งยืน” เพื่อประโยชน์ทางอุตสาหกรรมมากกว่าการปกป้องสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

ขณะเดียวกัน องค์กร T&E เตือนว่า การเพิ่มปริมาณเชื้อเพลิงชีวภาพเป็นสองเท่าหรือมากกว่านั้น “แทบเป็นไปไม่ได้หากไม่ต้องถางป่าเพิ่ม” ซึ่งจะสร้างหายนะต่อทั้งระบบนิเวศ ภูมิอากาศ และความมั่นคงทางอาหาร

การประชุมสุดยอดผู้นำ (Leaders’ Summit) จะจัดขึ้นในวันที่ 6–7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 ที่เมืองเบเลง ก่อนเข้าสู่การประชุมใหญ่ COP30 ในวันที่ 10 พฤศจิกายน โดยจะมีผู้นำจากหลายประเทศเข้าร่วม

ในวันแรกของการประชุม ผู้นำจะหารือเรื่อง “การอนุรักษ์ป่าไม้” ซึ่งรวมถึงการเปิดตัวโครงการ “Tropical Forests Forever Facility” ที่ตั้งเป้าระดมทุนราว 125,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4.75 ล้านล้านบาท) เพื่อปกป้องผืนป่าในเขตร้อนทั่วโลก โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหราชอาณาจักรและยุโรป

วันที่สองจะเน้นการพูดคุยเรื่อง “การเปลี่ยนผ่านพลังงาน” ซึ่งถือเป็นหัวข้อที่อ่อนไหว หลังจากในการประชุม COP28 ที่ดูไบ ปี 2566 โลกได้ตกลงที่จะ “เริ่มเปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงฟอสซิล” แต่ถูกซาอุดีอาระเบียขัดขวางไม่ให้มีความคืบหน้า และในปีนี้ก็มีความพยายามอีกครั้งที่จะตัดหัวข้อนี้ออกจากวาระการประชุม อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของบราซิล มารีนา ซิลวา ได้ผลักดันให้ประเด็นนี้ยังคงอยู่ในวาระเพื่อให้มีการหารืออย่างจริงจัง

กระทรวงการต่างประเทศของบราซิลชี้แจงว่า บราซิลไม่ได้เสนอให้ประเทศต่าง ๆ “เพิ่มการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ 4 เท่า” แต่เสนอให้ “เพิ่มการใช้เชื้อเพลิงยั่งยืน” ซึ่งครอบคลุมทั้งเชื้อเพลิงชีวภาพ แก๊สชีวภาพ ไฮโดรเจน และเชื้อเพลิงสังเคราะห์ (e-fuels) โดยอ้างอิงข้อมูลจากรายงานขององค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ที่ระบุว่า การเพิ่มกำลังการผลิตเชื้อเพลิงเหล่านี้ 4 เท่าในระดับโลก เป็นสิ่ง “จำเป็นและเป็นไปได้” เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรมที่ยากต่อการลดการปล่อย

บราซิลยืนยันว่า คำว่า “เชื้อเพลิงยั่งยืน” ในเอกสารนี้ไม่ได้ใช้โดยปราศจากหลักเกณฑ์ แต่หมายถึงเชื้อเพลิงที่มีค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำตลอดวัฏจักรชีวิต และต้องเป็นไปตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน และการคุ้มครองสิทธิแรงงานและชุมชน

ข้อเสนอของบราซิลในการประชุม COP30 อาจเป็นก้าวสำคัญต่อการผลักดันเชื้อเพลิงทางเลือกในเวทีโลก แต่ก็กำลังเผชิญกับแรงต้านจากผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมที่เกรงว่า การผลักดัน “เชื้อเพลิงชีวภาพ” มากเกินไปโดยไม่มีมาตรการป้องกันที่เข้มงวด จะยิ่งเร่งการทำลายป่าและซ้ำเติมปัญหาภูมิอากาศโลกมากกว่าที่จะช่วยแก้ไขมัน


ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง