กฎหมายเยาวชน : คุ้มครองเด็ก สร้างบทเรียน สู่สังคมที่ปลอดภัย
ความรู้ทั่วไปของกฎหมายเยาวชน
กฎหมายเยาวชนหรือกฎหมายที่เกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิและการปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชนในประเทศไทย มีจุดประสงค์หลักคือการคุ้มครองเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ ไม่ให้ถูกปฏิบัติต่ออย่างผู้ใหญ่ในกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากเด็กและเยาวชนยังมีวุฒิภาวะไม่เต็มที่ ขาดความรู้และประสบการณ์ ดังนั้นจึงต้องให้ความคุ้มครองเป็นพิเศษเพื่อส่งเสริมการพัฒนาทางด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ และสังคมให้มีความสมบูรณ์
กฎหมายเยาวชนที่สำคัญของประเทศไทย ได้แก่ พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 และพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 ซึ่งมีสาระสำคัญในการกำหนดกระบวนการและวิธีการปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชนที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้รับการคุ้มครองสิทธิอย่างเต็มที่และเป็นไปตามมาตรฐานสากล
บทลงโทษเยาวชนที่ทำผิด
เมื่อเยาวชนกระทำความผิด กฎหมายได้กำหนดบทลงโทษไว้เป็นการเฉพาะซึ่งแตกต่างจากผู้ใหญ่อย่างสิ้นเชิง โดยบทลงโทษสำหรับเยาวชนแบ่งออกเป็นหลายประเภท ตามความร้ายแรงของการกระทำและพฤติกรรมของเยาวชน ได้แก่ การว่ากล่าวตักเตือน การคุมประพฤติโดยคำสั่งของศาล การส่งเข้าสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน หรือการจำคุกในทัณฑสถานเด็กและเยาวชน
การว่ากล่าวตักเตือนจะใช้สำหรับความผิดที่ไม่ร้ายแรงมากนัก เพื่อให้เยาวชนตระหนักถึงความผิดของตนและไม่กระทำผิดซ้ำ ส่วนการคุมประพฤตินั้นจะมีการกำหนดเงื่อนไขให้เยาวชนต้องปฏิบัติตามระยะเวลาหนึ่ง เช่น การห้ามเข้าไปในสถานที่บางแห่ง การห้ามคบค้าสมาคมบุคคลบางกลุ่ม หรือการต้องเข้ารับการอบรม เป็นต้น หากฝ่าฝืนอาจถูกส่งเข้าสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนได้
การจำคุกจะใช้สำหรับความผิดร้ายแรงหรือเยาวชนที่มีประวัติการก่อความผิดมาก่อน ทั้งนี้ศาลจะต้องคำนึงถึงพฤติกรรมและประวัติของเยาวชนด้วย เมื่อมีคำสั่งจำคุกก็จะส่งตัวไปยังทัณฑสถานเด็กและเยาวชนแทนที่จะเป็นเรือนจำสำหรับผู้ใหญ่ ในทัณฑสถานจะมีการอบรมทั้งด้านการศึกษา อาชีพ และการให้คำปรึกษา เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับเยาวชนก่อนจะได้รับการปล่อยตัวกลับสู่สังคม
ขั้นตอนการดำเนินคดี
เมื่อมีกรณีที่เยาวชนถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมสำหรับเยาวชนได้มีวิธีการดำเนินคดีที่แตกต่างจากกระบวนการดำเนินคดีกับผู้ใหญ่ โดยมีขั้นตอนสำคัญดังนี้
ขั้นตอนแรกเริ่มจากการจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งการจับกุมเยาวชนจะต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ และมีบทบัญญัติเฉพาะเพื่อไม่ให้เยาวชนได้รับความเสียหายด้านจิตใจ รวมถึงต้องแจ้งให้ผู้ปกครองหรือพนักงานคุ้มครองเด็กและเยาวชนทราบโดยเร็ว
หลังจากนั้นจะมีการซักถามและสอบปากคำเยาวชน โดยมีผู้ปกครองหรือพนักงานคุ้มครองเด็กและเยาวชนร่วมอยู่ด้วย และต้องมีการบันทึกถ้อยคำเป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อมีการสอบปากคำเสร็จแล้ว พนักงานสอบสวนสามารถเริ่มดำเนินการไกล่เกลี่ยคดีได้หากเห็นว่าเยาวชนไม่ได้กระทำความผิดร้ายแรง โดยให้เยาวชนได้ปรับปรุงตนเองและชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่หากเป็นคดีร้ายแรงก็ต้องส่งสำนวนการสอบสวนให้พนักงานอัยการพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องเยาวชนต่อศาล
เมื่อถึงขั้นตอนการพิจารณาคดีชั้นศาล ศาลเยาวชนและครอบครัวจะเป็นผู้พิจารณาคดีเยาวชน โดยผู้พิพากษาจะต้องมีความเชี่ยวชาญและได้รับการอบรมด้านเด็กและเยาวชนมาเป็นการเฉพาะ กระบวนการพิจารณาคดีจะเน้นความเป็นกันเอง หลีกเลี่ยงการใช้กระบวนการที่เป็นทางการมากนัก เพื่อไม่ให้เยาวชนรู้สึกถูกรังแกหรือถูกประณาม และจะต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเยาวชนเป็นสำคัญ
เปิดสถิติการก่อคดีของเยาวชนย้อนหลัง 10 ปี
จากสถิติของสำนักงานกิจการยุติธรรมในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา (2553-2562) นั้น พบว่าจำนวนเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ถูกดำเนินคดีทางอาญามีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทุกปี
โดยสาเหตุหลักที่ทำให้เยาวชนก่อคดีอาชญากรรม ส่วนใหญ่มักมาจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ ภาวะยากจน การขาดการดูแลเอาใจใส่อย่างเหมาะสมจากพ่อแม่หรือผู้ปกครอง การคบเพื่อนที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนหรือเป็นนักเลงในชุมชน รวมถึงปัญหาครอบครัวแตกแยกและขาดความอบอุ่น
จากข้อมูลของสำนักงานกิจการยุติธรรมพบว่า คดีที่เยาวชนก่อมากที่สุดคือคดีเกี่ยวกับยาเสพติดกว่า 50% ของจำนวนคดีทั้งหมด โดยส่วนใหญ่จะเป็นผู้ครอบครองหรือเสพสารเสพติด รองลงมาคือคดีประทุษร้ายต่อร่างกายหรือทรัพย์สิน เช่น ลักทรัพย์ กรรโชกทรัพย์ วิ่งราวประทุษร้าย เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีคดีความผิดอาญาอื่นๆ เช่น การพนัน ความผิดเกี่ยวกับกามและคดีอุกฉกรรจ์ คดีจราจร คดีทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ชีวิต เป็นต้น
จากข้อมูลของศาลเยาวชนและครอบครัวทั่วประเทศ ระบุว่าสาเหตุที่ทำให้เยาวชนกระทำความผิดส่วนใหญ่ มักมาจากการขาดการอบรมสั่งสอนและการเฝ้าระวังการดูแลจากครอบครัวเป็นสำคัญ รวมถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม การขาดโอกาสทางการศึกษา การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกลุ่มมิจฉาชีพหรือกลุ่มนักเลง อิทธิพลของเพื่อนวัยเดียวกัน ความยากจนและปัญหาครอบครัวแตกแยก เป็นต้น
บทสรุปการแก้กฎหมายเยาวชน
จากข้อเท็จจริงที่พบว่ามีจำนวนเยาวชนที่ก่อคดีอาญาเพิ่มมากขึ้นทุกปี รวมถึงความพยายามของสังคมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาเยาวชนกระทำผิด ส่งผลให้กฎหมายเยาวชนในประเทศไทยต้องมีการปรับปรุงให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
ภาพ : Gettyimage