45 is new 60 เมื่อคนวัยทำงาน ถูกเร่งให้เกษียณเร็วกว่าที่คิด

‘45 is new 60’ กลายเป็นคำที่แพร่หลายขึ้นมาในโซเชียลมีเดีย หลังธนาคารแห่งหนึ่งได้ประกาศโครงการ “เกษียณก่อน เกษมสุข” ซึ่งให้คนที่อายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป สามารถเกษียณก่อนกำหนดได้ ทำให้เกิดการถกเถียงกันว่า โลกการทำงานในปัจจุบัน บีบให้อายุเกษียณจากที่เคยอยู่ที่ 60 ปี ลดลงมาเหลือที่ 45 ปีแล้วหรือเปล่า ?
ประเด็นนี้ไม่ได้มีแค่การถกเถียงกันในประเทศไทยเท่านั้น เพราะช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ประโยคนี้ก็กลายเป็นกระแสในประเทศอินเดีย มีนักลงทุน และผู้เชี่ยวชาญที่ออกมาโพสต์เตือนถึงการใช้เงิน การวางแผนเกษียณ และการพูดถึงอายุ 45 ปีเช่นกันว่า อาจเป็นบรรทัดฐานใหม่ของอายุเกษียณด้วย
‘45 is new 60’ กระแสการพูดคุยที่เกิดในอินเดียก่อนไทย
ประเด็นนี้เริ่มขึ้นในอินเดียหลังสารธัก อาฮูจา นายธนาคารเพื่อการลงทุน และที่ปรึกษาได้ออกมาพูดว่า โลกธุรกิจในอินเดียที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ความคิดถึงการทำงานอย่างสบายๆ ถึงอายุ 60 ปี ค่อยๆ หายไป “มันเป็นแนวโน้มที่น่าลำบากใจที่เกิดมากขึ้นในบริษัทอินเดีย และไม่ใช่ทางที่ดี ที่อายุเกษียณเปลี่ยนจาก 60 เป็น 45 ปี”
เขาชี้ว่า งานอย่างด้านกฎหมาย หรือการแพทย์ที่ยิ่งอายุมาก ยิ่งได้รับความเคารพ และค่าตอบแทนที่สูงขึ้น แต่งานบริษัทอย่างการขาย การตลาด ประสานงาน ผลิตภัณฑ์ หรือด้านเทคโนโลยีต่างๆ เมื่อพนักงานอายุเข้าวัย 40 กลางๆ มักถูกหลายบริษัทมองว่าพวกเขาทำงานซ้ำซ้อน “พวกเขาไม่ได้มีทักษะเพิ่มขึ้น ไม่ว่องไวเหมือนคนที่อายุน้อยกว่าที่มีความสามารถมากกว่า ซึ่งมาพร้อมกับต้นทุนเพียงเศษเสี้ยวของพวกเขา ซึ่งเป็นสาเหตุที่หลายบริษัทไม่ได้ไล่คนเหล่านี้ออกทันที แต่ตั้งแผนกใหม่กับคนที่อายุน้อยกว่าจํานวนมาก และให้ทรัพยากร และให้ความสนใจกับกลุ่มนี้มากขึ้น” อาจาฮูอธิบาย
นายธนาคารยังเล่าถึงกระแสที่มีคนวัย 40 ปีไปจัดตั้งบริษัทที่ปรึกษามากขึ้น ซึ่งไม่ใช่เพราะอยากก่อตั้งด้วยแพชชั่นของตนเอง แต่เป็นแผนสำรอง เมื่องานประจำของพวกเขาเริ่มลดน้อยร่อยหรอลง ทั้งเขายังชี้ถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นสําหรับศูนย์พัฒนาทักษะสําหรับคนในวัย 40 ปีด้วย
หลังการพูดถึงอายุเกษียณที่ลดน้อยลงเกิดขึ้น คานัน บาห์ล ที่ปรึกษาด้านความมั่นคง และนักบัญชีเองก็ได้โพสต์ใน Linkedin ของตน เกี่ยวกับชนชั้นกลางของอินเดียอาจเผชิญกับวิกฤตการเกษียณอายุเมื่ออายุ 45 ปี ซึ่งสอดคล้องกับที่อาฮูจาระบุ
โดยบาห์ลยังพูดถึง ค่าใช้จ่ายด้านไลฟ์สไตล์ที่เพิ่มขึ้น รายได้ที่จํากัด อายุยืน และการออมระยะยาวไม่เพียงพอ ทั้งยังเตือนว่า "อย่าวางแผนการเกษียณอายุของคุณราวกับว่าคุณจะได้รับการว่าจ้างจนถึงอายุ 60 ปี"
บาห์ลยังพูดถึงสาเหตุที่อายุเกษียณนั้นสั้นลงว่า มาจาก "งานจะเพิ่มขึ้น" ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี หลายคนอาจมีปัญหาในการปรับตัว "ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม" สิ่งนี้อาจนําไปสู่การเกษียณของพวกเขาที่เร็วกว่าที่คาดไว้ ทั้งยังแนะนำว่า “สนุกกับชีวิตของคุณ แต่ออมอย่างหนัก และลงทุนอย่างชาญฉลาดราวกับว่าคุณจะมีรายได้จนถึง 45 เท่านั้น”
เขายังชี้ไปถึงกระแสที่น่ากลัวของการใช้จ่ายที่มากเกินไป และอัตราเงินเฟ้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่คนรุ่นใหม่ “Gen Z กําลังรับภาระหนี้เพื่อไปคอนเสิร์ต และให้ดูเท่บนอินสตาแกรม” ซึ่งเขาชี้ว่าคนกลุ่มนี้ใช้เงินเดือนชนเดือน “ค่าใช้จ่ายด้านไลฟ์สไตล์นั้นอยู่ในระดับที่คุณแทบจะไม่สามารถออมเงินสําหรับอนาคตได้”
เขาเรียกร้องให้พนักงานที่ได้รับเงินเดือนใช้โครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอินเดีย และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน ซึ่งโพสต์ของเขาก็ทำให้คนเข้ามาพูดคุย ซึ่งหลายคนเองก็ยอมรับว่า ได้รับแรงกดดันจากแนวคิดการเกษียณอายุที่ลดลงด้วย
ก่อนหน้านี้ เจ้าของธุรกิจ หรือ CEO หลายคนในอินเดียได้โพสต์ หรือพูดคุยเกี่ยวกับเงินเดือนของชนชั้นกลาง ค่าใช้จ่ายที่พุ่งขึ้นสูงในช่วงที่เศรษฐกิจซบเซาด้วย
หากเกษียณอายุ 45 ต้องเก็บเงินเท่าไหร่ ?
สำหรับในประเทศไทย หากต้องการเกษียณเมื่ออายุ 45 ปีจริงๆ นั้น ต้องเก็บเงินเท่าไหร่ รายงานอยากใช้ชีวิตตามใจ ในวันที่หยุดงาน ของ K-Expert ธนาคารกสิกร ชี้ว่า ถ้าตั้งเป้าหมายเกษียณที่อายุ 45 ปี โดยเริ่มออมเมื่ออายุ 30 ปี จะมีเวลาเก็บออมเงินเพียง 15 ปี ถ้าลงทุนได้ผลตอบแทน 3% ต่อปี โดยต้องการใช้เงินหลังเกษียณเดือนละ 15,500 บาท (มูลค่าปัจจุบัน) จะต้องออมเงิน เดือนละ 42,500 บาท
แต่ถ้าต้องการใช้จ่ายหลังเกษียณเดือนละ 26,000 บาท (มูลค่าปัจจุบัน) ต้องออมเงินถึงเดือนละ 72,000 บาท ซึ่งยิ่งถ้าต้องเกษียณเร็ว ก็จะมีเวลาใช้เงินนานขึ้น จึงต้องเร่งออมมากขึ้นในแต่ละเดือน ซึ่งรายงานยังชี้ช่องทางอื่นๆ นอกจากการออมคือ มองหาอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ และลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงที่มากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
ด้านดร.บุรณิน รัตนสมบัติ นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงประเด็นนี้เช่นกันว่า หากการเกษียณที่อายุ 45 ปี ก็ควร “เรียนในระบบแค่ 15 ปี เพราะต้องเร่งเป็นผู้ใหญ่ ช่วงอายุ 15-25 เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย สร้าง portfolio สร้างอาชีพ เริ่มเก็บเงินและใช้เงินทำงานอายุ 25-35 เลือกงานเพื่อสร้าง profile ประสบการณ์ ย้ายงาน เปลี่ยนตำแหน่ง ทุก 2 ปี ให้ได้สัก 3-4 ครั้ง ทำในงานที่ส่วนใหญ่คนอื่นทำไม่ได้
อายุ 35 ปีขึ้นเป็น CEO หรือไม่ก็ออกเพื่อไปเปิดบริษัทเอง อาจดูเหมือนเสี่ยงแต่ก็ดีกว่าอยู่รอไปอีก 10 ปี ที่อาจจะเสี่ยงกว่า อายุ 45 ปีเกษียณ พร้อมมี passive income ก้อนหนึ่ง เพราะเราไม่ได้เป็นรัฐสวัสดิการ หลังอายุ 45 ปี ทำงาน Freelance ดูแลสุขภาพ ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดหรือประเทศที่มีค่าครองชีพต่ำ
“เลิกคิด work life balance ทำบ้าน ทำคอนโด ให้เป็น Home office ควรมี Second Job , Third Job และ AI เป็นผู้ช่วยและเพื่อนร่วมงาน”
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
