ชายแดนไทย–กัมพูชา ล่าสุด วิกฤต ความจริง และเดิมพันบนเวทีออตตาวา

จากข้อพิพาทประวัติศาสตร์สู่การปะทะใหญ่กรกฎาคม 2568
ความขัดแย้งตามแนวชายแดนเริ่มปะทุหนักตั้งแต่ต้นปี เมื่อไทยและกัมพูชามีข้อพิพาทในพื้นที่โบราณสถาน เช่น ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตากระเบย และบริเวณสามเหลี่ยมมรกต อันเป็นพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ ความตึงเครียดปะทุขึ้นจริงวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 เมื่อทหารไทย 5 นายได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบทุ่นระเบิดที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี หนึ่งในนั้นบาดเจ็บสาหัสจนต้องตัดขา
ต่อมาในวันที่ 24 กรกฎาคม เกิดการปะทะครั้งใหญ่ในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม และขยายวงกว้างครอบคลุม 12 จุดตลอดแนวชายแดน ทั้งสองฝ่ายใช้อาวุธหนัก กัมพูชาใช้จรวด BM-21 และปืนใหญ่โจมตี ส่วนไทยตอบโต้ด้วยการโจมตีทางอากาศโดยเครื่องบินขับไล่ F-16 ผลลัพธ์คือผู้เสียชีวิตกว่า 38 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และประชาชนต้องอพยพมากกว่า 300,000 คน
การหยุดยิงและบทบาทจากนานาชาติ
หลังการสู้รบยืดเยื้อ 5 วัน ตั้งแต่ 24–28 กรกฎาคม มาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนได้ก้าวเข้ามาเป็นคนกลางจัดการเจรจาที่ปุตราจายา การแทรกแซงจากสหรัฐอเมริกายิ่งเพิ่มแรงกดดัน โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โทรศัพท์ตรงถึงผู้นำทั้งสองฝ่ายและขู่จะระงับการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ หากยังไม่หยุดยิง ในที่สุดทั้งสองฝ่ายตกลงยุติการปะทะตั้งแต่ เที่ยงคืนวันที่ 28 กรกฎาคม พร้อมถอนกำลังที่เสริมไว้
การค้นพบหลักฐานใหม่จากภูมะเขือ
แม้ข้อตกลงหยุดยิงมีผล แต่พื้นที่ชายแดนยังเต็มไปด้วยความหวาดระแวง ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ตรวจพบ โทรศัพท์มือถือ Tecno Pova 6 และ Pova 6 Pro 5G ของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ
เมื่อนำโทรศัพท์กลับมาเปิดดู พบหลักฐานสำคัญ คือ ภาพถ่าย 6 ภาพ และวิดีโอ 2 คลิป ความยาว 1 นาที 8 วินาที และ 8 วินาที ภาพเหล่านี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าทหารกัมพูชากำลังถือและสาธิตการใช้งานทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 พร้อมระบุพิกัด วันเวลา และสถานที่อย่างครบถ้วน อีกทั้งยังมีเสียงพูดภาษาเขมรประกอบ ซึ่งคาดว่าเป็นการสาธิตก่อนนำทุ่นระเบิดไปฝังในพื้นที่
เพจ “กองทัพบก ทันกระแส” เปิดเผยว่าหนึ่งในทหารในคลิปคือ ร.ต.อุม เซ็ง ทหารกัมพูชาที่เคยปฏิบัติการลาดตระเวนร่วมกับฝ่ายไทย และเคยถ่ายรูปร่วมกับทหารไทยไว้ ทำให้หลักฐานยิ่งถูกยืนยันความน่าเชื่อถือ
การทำงานของคณะผู้สังเกตการณ์ IOT
ระหว่างวันที่ 18–20 สิงหาคม ผู้ช่วยทูตทหารจาก 8 ประเทศอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย บรูไน ลาว อินโดนีเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม ลงพื้นที่ในนาม คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT)
คณะได้ตรวจสอบหลายจุดสำคัญ ได้แก่
- การรับฟังรายงานการยิงจรวด BM-21 ของกัมพูชา
- การเยี่ยมชมพื้นที่ที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดจนบาดเจ็บ
- การตรวจสอบการควบคุมเชลยศึกกัมพูชา 18 นาย ภายใต้อนุสัญญาเจนีวา
- โรงพยาบาลพนมดงรัก จังหวัดศรีสะเกษ ที่เสียหายจากการยิงจรวด
ขั้นตอนการเก็บกู้และส่งศพทหารกัมพูชาคืน
ขณะเดียวกัน ที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี เกิดเหตุทหารกัมพูชาออกมาโวยใส่คณะ IOT โดยอ้างว่าพื้นที่เป็นของกัมพูชา ทำให้บรรยากาศตึงเครียด จนต้องมี พ.อ.ฉิน ขนา หัวหน้าประสานงานฝั่งกัมพูชาเข้ามาเจรจาคลี่คลาย
การตอบโต้จากกัมพูชา
ฝ่ายกัมพูชาโดย ดร.ลี ทุจ รองประธานหน่วยงานทุ่นระเบิด แถลงปฏิเสธข้อกล่าวหาของไทย โดยอ้างว่า
- ทุ่นระเบิดที่ไทยแสดงเป็นทุ่นใหม่ ยังมีสลักนิรภัยติดอยู่ ซึ่งถือว่าไทยเองละเมิดอนุสัญญาออตตาวา
- คลิปวิดีโอเป็นการจัดฉาก ใช้คนไทยเชื้อสายเขมรจากสุรินทร์มาสวมบท
- ทุ่นระเบิดในพื้นที่เป็นของเก่า จากสงครามกลางเมืองกัมพูชาในอดีต
- พร้อมกันนั้น สื่อกัมพูชาได้ยกย่องทหารที่โวยใส่คณะ IOT ที่ช่องอานม้าให้เป็น “วีรบุรุษ” ของชาติ
แผนการเคลื่อนไหวของไทย
รัฐบาลไทยโดย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาการ รมว.กลาโหม ยืนยันจะส่งหลักฐานจากโทรศัพท์ไปยื่นต่อที่ประชุม คณะกรรมการอนุสัญญาออตตาวา วันที่ 22 สิงหาคม 2568 พร้อมเชิญประธานอนุสัญญาลงพื้นที่จริงก่อนการประชุมใหญ่ปลายปี พล.อ.ณัฐพล กล่าวชัดว่า “ไทยจะไม่ใช้เฟกนิวส์สู้เฟกนิวส์ แต่จะใช้ข้อเท็จจริงบนหลักฐาน”
นอกจากนี้ ไทยยังเดินหน้าสร้างรั้วลวดหนามและสแลนดำตามแนวชายแดนเพื่อป้องกันการลอบวางทุ่นระเบิด ขณะเดียวกันก็ยกประเด็นปัญหาพื้นที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว ที่กัมพูชารุกล้ำอย่างถาวร ทั้งที่เคยเป็นพื้นที่พักพิงชั่วคราวในอดีต ถือเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจปี 2543
ภาพรวมล่าสุดวันที่ 20 สิงหาคม 2568
พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษก ศบ.ทก. แถลงว่าสถานการณ์ชายแดนโดยรวมอยู่ในภาวะปกติ ไม่มีเหตุปะทะใหม่ แต่จำนวนทหารไทยที่บาดเจ็บจากทุ่นระเบิดนับตั้งแต่ 16 กรกฎาคมจนถึงปัจจุบันมีแล้ว 11 นาย
การประชุมสรุปผลของคณะ IOT มีกำหนดในวันที่ 21 สิงหาคม ก่อนที่ไทยจะนำหลักฐานเข้าสู่การพิจารณาในเวทีออตตาวา ถือเป็นจังหวะสำคัญที่อาจชี้ขาดต่อความน่าเชื่อถือของทั้งสองประเทศบนเวทีโลก
วิกฤตชายแดนไทย–กัมพูชาในปี 2568 เดินทางมาถึงจุดที่ “หลักฐาน” กลายเป็นอาวุธสำคัญ ไทยเลือกเดินเกมการทูตด้วยข้อมูลจริง ขณะที่กัมพูชาพยายามโต้กลับด้วยข้อกล่าวหาและการสร้างภาพเชิงสัญลักษณ์ แม้พื้นที่จะยังคงสงบ แต่ความตึงเครียดทางการเมืองและการทูตยังดำเนินต่อไป และผลการประชุมออตตาวาจะเป็นตัวชี้ว่าความจริงใดจะได้รับการยอมรับบนเวทีโลก
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
