ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมาบุกโจมตีสถานีตำรวจอีก ยิงเจ้าหน้าที่ดับ 13 จับเป็นอีก 4
รอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ว่า กองกำลังติดอาวุธของชนกลุ่มน้อยที่รวมตัวกันขึ้นเป็นพันธมิตรต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา ในนามกองกำลังป้องกันประชาชน (พีดีเอฟ) บุกโจมตีสถานีตำรวจในเมือง โมบเย เมืองชายแดนติดต่อกับประเทศจีนเมื่อตอนเช้าวันเดียวกันนี้ โดยอ้างว่าสามารถสังหารเจ้าหน้าที่ของรัฐได้อย่างน้อย 13 นาย จับเป็นได้อีก 4 นาย พร้อมจุดไฟเผาสถานีตำรวจราบ
โมบเย เป็นเมืองชายแดนติดต่อกับจีน อยู่ห่างจากกรุงเนปยีดอ เมืองหลวงของเมียนมาเพียง 100 กิโลเมตร เป็นพื้นที่ใกล้กับเขตอิทธิพลของกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยที่ต่อสู้เพื่อสิทธิในการปกครองตนเองมานานหลายสิบปี
รายงานข่าวของสื่อท้องถิ่นของเมียนมาที่เผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดีย พร้อมคลิปวิดีโอ ที่แสดงให้เห็นสภาพศพของเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของรัฐบาลทหารเมียนมาในเครื่องแบบจำนวนหนึ่ง หลังจากเกิดการยิงปะทะกันในตอนเช้าวันเดียวกันนี้ พร้อมกันนั้นก็มีชายอีก 4 คนถูกมัดมือไพล่หลัง ใช้หน้ากากอนามัยปิดตา โดยระบุว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถานีดังกล่าวที่ถูกจับกุม ในคลิปยังมีภาพของรถตำรวจคันหนึ่งถูกเผาลุกเป็นไฟ ในขณะที่นักรบของกองกำลังติดอาวุธชุมนุมกันอยู่ในบริเวณใกล้เคียงเป็นจำนวนมาก
เว็บไซต์ อิรวดี อ้างคำพูดของนักรบกองกำลังป้องกันประชาชน (พีดีเอฟ) ระบุว่า สถานีตำรวจดังกล่าวถูกจุดไฟเผา โดยที่มีพลเรือน 2 รายได้รับบาดเจ็บในระหว่างการปะทะกัน ในขณะที่สื่อท้องถิ่นเมียนมาบางรายอ้างว่า จำนวนเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตในการปะทะครั้งนี้มีถึง 15 นาย
นอกเหนือจากการปะทะที่โมบเยแล้ว ยังมีรายงานว่าในช่วงเช้ามืดวันเดียวกันนี้ มีการปะทะระหว่างกองกำลังติดอาวุธของชนกลุ่มน้อย กับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลทหาร ที่เมืองมูเซ ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านที่เป็นช่องทางผ่านเข้าสู่ประเทศจีนอีกด้วย
รอยเตอร์ตั้งข้อสังเกตว่า หลังจากการยึดอำนาจของกองทัพเมียนมา ได้เกิดกองกำลังป้องกันประชาชน (พีดีเอฟ) ขึ้นมาเพื่อต่อต้านในหลายพื้นที่ โดยที่อาวุธส่วนใหญ่เป็นลูกซองที่ใช้ในการล่าสัตว์ กับอาวุธที่ทำขึ้นเองเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามในคลิปวิดีโอที่โมบเย มีนักรบของพีดีเอฟ อย่างน้อย 1 ราย มีปืนไรเฟิลจู่โจม ใช้ในการโจมตีที่ตั้งของเจ้าหน้าที่ทางการแล้ว