ศาลเมียนมาจำคุกนักข่าวอเมริกัน 11 ปี ชี้ผิดหลายข้อหารวมทั้งแพร่ "เฟคนิวส์"

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ศาลเมียนมามีคำพิพากษาในคดีของนาย เดนนี เฟนสเตอร์ ผู้สื่อข่าวอเมริกันวัย 37 ปี ที่ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการบริหารนิตยสาร ฟรอนเทียร์ เมียนมา ซึ่งถูกรัฐบาลทหารเมียนมาจับกุมตัวเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะเตรียมตัวเดินทางกลับสหรัฐอเมริกาเพื่อไปเยี่ยมครอบครัวในเมืองดีทรอยท์ โดยศาลพิพากษาให้จำคุกนาย เฟนสเตอร์ เป็นเวลา 11 ปี หลังพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความผิดจริงตามฟ้องในหลายข้อหาด้วยกัน รวมทั้งการเผยแพร่ข่าวอันเป็นเท็จ และเผยแพร่ข้อมูลใส่ร้ายป้ายสีต่อสาธารณะ

นายตัน ซอ อ่อง ทนายความของนายเฟนสเตอร์ ระบุว่า นอกเหนือจากนั้นศาลยังชี้ว่า นายเฟนสเตอร์ยังกระทำผิดตามข้อกล่าวหาว่าติดต่อกับองค์กรผิดกฎหมาย และ ละเมิดกฏเกณฑ์วีซาของเมียนมาอีกด้วย นอกเหนือจากนั้น นายเฟนสเตอร์ ยังถูกฟ้องร้องแยกต่างหากอีกคดี โดยถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายละเมิดกฎหมายต่อต้านการก่อการร้าย และกระทำการอันเข้าข่ายเป็นการกบฏและยุยงส่งเสริมให้เกิดการกบฏขึ้นในเมียนมา

นายเฟนสเตอร์ ถือเป็นผู้สื่อข่าวต่างชาติรายเดียวที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดจริงในข้อหาร้ายแรงหลายข้อหา หลังจากนายทหารในกองทัพร่วมกันก่อรัฐประหารขึ้นเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากนั้นรัฐบาลทหารได้กวาดล้างสื่อมวลชนครั้งใหญ่ ปิดสื่ออิสระที่วิพากษ์วิจารณ์การรัฐประหารลงแทบทั้งหมด และจับกุมผู้สื่อข่าวไปราว 100 คนโดยที่ 30 คนในจำนวนดังกล่าวยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ

รายงานข่าวระบุว่า แม้ทางการเมียนมาจะนำเสนอพยานเพื่อชี้ความผิดของนายเฟนสเตอร์มากกว่า 10 คนแต่ก็ไม่ได้แสดงให้เห็นชัดเจนว่า นายเฟนสเตอร์ ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา โดยทีมทนายของเฟนสเตอร์ชี้ว่า คดีของพนักงานอัยการที่นำเสนอต่อศาลนั้นส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์เมื่อครั้งที่ นายเฟนสเตอร์ ยังคงทำงานอยู่กับเว็บไซต์ข่าวเมียนมา นาว ซึ่งถูกสั่งปิดไปหลังการรัฐประหาร แต่โดยข้อเท็จจริงแล้ว นายเฟนสเตอร์ ลาออกจากเมียนมา นาว ตั้งแต่เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2020 มาทำงานกับฟรอนเทียร์ ในเดือนถัดมา ก่อนหน้าการรัฐประหารด้วยซ้ำไป

นายโทมัส คีน บรรณาธิการบริหารของ ฟรอนเทียร์ เมียนมา เปิดเผยว่า ทุกคนที่ฟรอนเทียร์ ผิดหวังและคับข้องใจกับคำพิพากษาครั้งนี้อย่างมาก ทางทนายจำเลยพยายามนำเสนอหลักฐานเอกสารและพยานบุคคล เพื่้อชี้ให้ศาลเห็นว่า เฟนสเตอร์ ได้ลาออกจากเมียนมา นาวมานานแล้ว แต่ศาลไม่ใส่ใจกับพยานและหลักฐานพยานเหล่านี้