‘XO’ ล็อกดาวน์ยุโรปหนุน ออร์เดอร์ทะลักยาวถึงสิ้นปี
ทันหุ้น - สู้โควิด -XO ออเดอร์ทะลักจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19ทั่วโลกยังทวีความรุนแรงโดยเฉพาะหลายประเทศในยุโรปประกาศล็อกดาวน์รับมือโควิด-19ระลอกสองฟากโบรกเคาะกำไรปีนี้พุ่งขึ้น 75% แตะ242ล้านบาทเคาะเป้า 13.90 บาท
นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการบริษัทเอ็กโซติคฟู้ดจำกัด (มหาชน) หรือ XOเปิดเผยว่าบริษัทได้อานิสงส์จากเหตุการณ์ล็อกดาวน์รอบสองของยุโรปทั้งอิตาลีอังกฤษสาธารณรัฐเช็กเบลเยี่ยมเยอรมนีและในหลากหลายประเทศที่เข้าสู่วงจรใหม่ของการระบาดทำให้ธุรกิจร้านอาหารต้องปิดให้บริการสนับสนุนให้ประชาชนต้องทำอาหารทานเองที่บ้านต่อเนื่องทำให้สินค้ากลุ่มซอสและเครื่องปรุงรสของบริษัทซึ่งได้รับความนิยมมีคำสั่งซื้อเข้ามาและเตรียมรอส่งยาวจนถึงสิ้นปีนี้โดยลูกค้ากลุ่มหลักของบริษัทมาจากทวีปยุโรปในไตรมาส2/2563ลูกค้ากลุ่มนี้มีสัดส่วนกว่า83%ของยอดขายทั้งหมดและส่วนใหญ่เป็นยอดขายสกุลเงินบาท
ออร์เดอร์ไหลเข้า
“บริษัทยังเห็นออเดอร์ที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องโดยในไตรมาส3/2563 อัตรากำลังการผลิตสินค้ากลุ่มซอสปรุงรสปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าเป็นสัญญาณบวกต่อธุรกิจอย่างไรก็ดีบริษัทฯยังคงจับตาดูสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดเพื่อเตรียมพร้อมสนับสนุนความต้องการซื้อในกลุ่มประเทศที่ยังต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดที่ยังคงความรุนแรงและยังคงเชื่อมั่นจะเป็นNew Normal วิถีใหม่ของประชาชนทั่วโลกในการทำอาหารทานเองที่บ้านในระยะยาว”นายจิตติพรกล่าวทิ้งท้าย
บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด ระบุถึง XO ว่า แนวโน้มรายได้และกำไรในช่วงครึ่งปีหลังปี 63คาดว่าจะเติบโตจากปีก่อนเนื่องจากการขยายตลาดใหม่อย่างต่อเนื่องและการหาผู้จัดจำหน่ายรายใหม่ในอังกฤษซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ %GPM ของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนที่ระดับ36.9%เนื่องจากผู้จัดจำหน่ายซึ่งมีขนาดเล็กมีอำนาจต่อรองกับบริษัทลดลงนอกจากนี้Product Mix ของบริษัทที่มีสัดส่วนกลุ่มDipping Sauce (ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มี %GPM สูงสุด) เพิ่มขึ้นจะช่วยหนุน %GPM เพิ่มเติม
เคาะกำไรพุ่ง75%
ทั้งนี้คาดการณ์กำไรปี63อยู่ที่242ล้านบาทเพิ่มขึ้น 75%YoY ขณะที่รายได้ทั้งปีอาจทำNew High ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา (บริษัทมีรายได้สูงสุดในปี2561อยู่ที่1.15พันล้านบาท) จากการเติบโตในตลาดยุโรปเป็นสำคัญเนื่องจากประชาชนมีการซื้อวัตถุดิบเพื่อประกอบอาหารเองหลังโควิด-19กลับมาระบาดรอบ2ในประเทศเยอรมนีฝรั่งเศสและสเปนโดยเราคาดว่ารายได้ปี63อยู่ที่ราว1.19พันล้านบาท +20%YoY
อย่างไรก็ตามเราคาดว่า %GPM ทั้งปี63จะเพิ่มขึ้นสู่39%จากปี62ที่36%เนื่องจากผลของการปรับProduct Mix ของกลุ่มสินค้าDipping Sauce ที่เพิ่มขึ้นซึ่งมีGPM สูงกว่าค่าเฉลี่ยและการเปลี่ยนผู้จัดจำหน่ายรายใหม่ที่อังกฤษส่งผลให้อำนาจต่อรองจากผู้จัดจำหน่ายลดลงรวมถึงการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นทำให้มีการประหยัดต่อขนาด(Economy of scales) เราคาดการณ์กำไรปี63อยู่ที่243ล้านบาท +75%YoY
เป้า 13.90 บาท
ฝ่ายวิจัยประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธีProspective PE ที่ระดับPE ราว24.4เท่าซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยPE Ratio ย้อนหลัง3ปีพร้อมกับคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี63ราว0.57บาทต่อหุ้นได้ราคาเหมาะสมเท่ากับ13.90บาทโดยราคาปิดล่าสุดต่ำกว่าราคาเหมาะสมจึงแนะนำ "ซื้อ" และคาดหวังอัตราเงินปันผล3.6%ต่อปี