BAM โบรกชี้กำไรฟื้นตัว แต่ต่ำกว่าคาด, ราคาหุ้นยัง Laggard จากคู่แข่ง
ทันหุ้น - บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ส่อง BAM รายงานกำไรสุทธิ 3Q63 จำนวน 298 ลบ. ลดลง 66.2%YoY ฟื้นตัวขึ้น 119.6%QoQ แต่ยังเป็นระดับการฟื้นตัวที่ต่ำกว่าที่เราและตลาดประเมินไว้ โดยแม้ได้รับปัจจัยบวกจาก 1) กำไรจากการขายทรัพย์ NPA ที่ขยับขึ้นต่อเนื่อง 63.9%QoQ หลังบริษัทประสบความสำเร็จในการทำตลาดทั้ง Online และ Offline รวมถึงการจัดโครงการขายทรัพย์ NPA ราคาพิเศษเพื่อเร่งระบายสต็อกทรัพย์ NPA รอการขาย 2) ยอดจัดเก็บเงินสดจากหนี้ NPL ที่เข้ามาปรับโครงสร้างหนี้เร่งตัวขึ้น 59.8%QoQ จนใกล้เคียงกับใน 1Q63 หลังผ่านพ้นโครงการช่วยเหลือทางการเงินให้กับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และ 3) การตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดจะเกิดขึ้น (ECL Model) ลดลง 8.2%QoQ
อย่างไรก็ดีผลบวกดังกล่าวไม่เพียงพอที่จะหักล้างแรงกดดันจากกำไรจากการให้สินเชื่อ NPL ที่ลดลง 32.1%QoQ ผิดไปจากที่เราคาดมาก เบื้องต้นคาดเป็นผลจากราคาปิดประมูลที่กรมบังคับคดีที่ต่ำกว่าปกติในช่วงที่ ศก. ไม่ดี
BAM ยังไม่มีการรับรู้รายการพิเศษจากผลประโยชน์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีจำนวน 4,950 ลบ. เข้ามาในงบกำไรขาดทุน
สำหรับกำไรสุทธิ 9M63 คิดเป็นเพียง 44.5% ของประมาณการกำไรทั้งปี ซึ่งน้อยกว่าที่เราคาดไว้มาก จากกำไรจากการให้สินเชื่อลูกหนี้ NPL ที่น้อยกว่าคาด และยังไม่มีการปิดบัญชีของลูกหนี้รายใหญ่เพิ่มเข้ามา เราอยู่ระหว่างทบทวนสมมุติฐานเพื่อปรับประมาณการกำไรสุทธิของปี 2563 ลง หลังจากได้รับข้อมูลเพิ่มขึ้นจากการประชุมนักวิเคราะห์ในช่วงบ่ายวันนี้
อย่างไรก็ดี ในเบื้องต้นเราคาดทิศทางกำไรใน 4Q63 จะยังเป็นการฟื้นตัวขึ้นทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากคาดบริษัทรับรู้รายได้จากการขายทรัพย์ NPA บางส่วนในโครงการการทรัพย์ราคาพิเศษที่เร่งจัดโปรโมชั่นการขายไปในเดือน ก.ย. แต่ยังไม่สามารถรับรู้มาในงบการเงินได้หมดใน 3Q63 บวกกับการทำกิจกรรมการตลาดเพิ่มขึ้นเพื่อระบายสต็อก NPA เช่น งาน Money Expo 2020, BAM Super Grand Sales และการจัดโปรโมชั่นในช่องทาง Online ของบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวนทรัพย์ราคาพิเศษ (ลดราคาสูงสุด 50%) จำนวนกว่า 2,000 รายการ
ในช่วงสั้นคาดราคาหุ้นจะตอบรับเชิงลบจากผลดำเนินงานที่อ่อนแอกว่าที่คาดและความล้าช้าในการบันทึกรายการพิเศษ แต่ในภาพใหญ่เรายังมองว่า BAM เป็น Defensive Stock ที่กำลังฟื้นตัว และเป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากปริมาณหนี้เสียของสถาบันการเงินที่คาดจะเพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2564 บวกกับราคาหุ้นที่ยัง Laggard จากคู่แข่ง และมี Upside ราว 46% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2564 เดิมที่ 29 บาท (วิธี GGM อิง PBV ที่ 2.3x) เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”
รวมสิทธิส่งเสริมคุณภาพชีวิต เกาะติดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ทันเรื่องราวกระแสสังคม สัมผัสประสบการณ์ข่าวได้ที่ แอปพลิเคชัน ทรูไอดี (ดาวน์โหลดเลยที่นี่!!)