หุ้นโรงพยาบาลพุ่งยกแผงต่อ อานิสงส์ตรวจโควิดพุ่ง – ไฟเขียวนำเข้าวัคซีน
ข่าววันนี้ ตลาดหุ้นไทยเปิดทำการซื้อขายเช้าวันนี้ (12 เม.ย.) ก่อนวันหยุดยาวสงกรานต์ เมื่อเวลา 10.33 น. ดัชนีปรับตัวลงกว่า 10 จุด เคลื่อนไหวที่ 1,553.05 จุด ลดลง 13.29 จุด เนื่องจากนักลงทุนกังวลตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นต่อเนื่องจนอาจจะกระทบต่อเศรษฐกิจในไตรมาส 2
ขณะที่ หุ้นโรงพยาบาลสวนทางกับดัชนีภาพรวม โดยราคาหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลปรับขึ้นต่อจากสัปดาห์ก่อน เพราะได้ประโยชน์จากการตรวจเชื้อโควิด-19 ที่เร่งตัวขึ้น และข่าวที่ภาครัฐอนุญาตให้โรงพยาบาลเอกชนนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดย
- หุ้น CMR ราคาพุ่งแรง ซื้อขายที่ 2.64 บาท เพิ่มขึ้น 0.28 บาท หรือ +11.86%
- หุ้น BDMS ซื้อขายที่ 22.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท เปลี่ยนแปลง +0.45%
- หุ้น BCH ซื้อขายที่ 17.20 บาท เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 1.10 บาท หรือ+6.83%
- หุ้น EKH ซื้อขายที่ 6.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท หรือ +1.61 %
- หุ้น VIBHA ซื้อขายที่ 2.26 บาท เพิ่มขึ้น 0.18 หรือ +8.65%
- หุ้น CHG ซื้อขายที่ 3.08 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ+3.36% เมื่อเวลา 10.33 น.
ฝ่ายวิจัยฯ ของบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน มองว่า โรงพยาบาลในพื้นที่กรุงเทพฯ จะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากกรณีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่จากคลัสเตอร์สถานบันเทิง โดยคาดว่า BDMS, BCH และ THG ซึ่งมีเครือข่ายครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ จะได้ประโยชน์จากการให้บริการตรวจหาเชื้อโควิด -19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และนนทบุรี
นักวิเคราะห์ยังให้ข้อมูลว่า ช่วงวันที่ 6-7 เมษายน ในส่วนของ BDMS มียอดตรวจ โควิด-19 เฉลี่ย 1,500-2,000 ราย/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงระลอก 2 ที่มียอดตรวจเฉลี่ย 500-1,000 คนต่อวัน ส่วนใหญ่เป็นเคสจ่ายเงินเอง ส่วน BCH มียอดตรวจเฉลี่ย 2,000-3,000 คน/วัน เพิ่มขึ้นจากยอดตรวจเฉลี่ย 800-1,000 คน/วัน และ THG มียอดตรวจเฉลี่ย 300-400 คน/วัน เพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย 30-40 คน/วัน นอกจากนี้ BDMS และ BCH ยังมี Capacity ของ Lab ตรวจเชื้อและเตียงเหลือรองรับการตรวจเชื้อและให้บริการรักษาผู้ติดเชื้อสูงกว่าอีกด้วย
แต่หากประเมินรายได้ให้บริการการตรวจหาเชื้อโควิด -19 โนมูระ พัฒนสินคาดว่า BCH จะมีรายได้จากบริการตรวจเป็นสัดส่วนต่อรายได้รวมมากที่สุด และคาดว่าทิศทางผลการดำเนินงานของกลุ่มการแพทย์ที่ศึกษาอยู่ในปีนี้ จะมีกำไรเพิ่มขึ้น +40% ซึ่งเป็นการกลับมาเติบโตจากปีก่อหน้า ตามการฟื้นตัวหลักของ BDMS, BH และ THG
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของโนมูระ พัฒนสิน เลือก BDMS เป็นหุ้นเด่น เพราะยังมีโอกาสได้ประโยชน์เพิ่มเติมจากการเปิดประเทศ และราคาหุ้นยัง laggard กว่าหุ้นตัวอื่นในกลุ่ม
หลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส ที่มองว่า แม้โรงพยาบาลจะมีรายได้จากการให้บริการตรวจผู้ติดเชื้อโควิด -19 มากขึ้น แต่ก็ยังบดบังรายได้ปกติจากการตรวจและรักษาโรคอื่นๆ ที่ลดลง ทั้งผู้ป่วย IPD และ OPD เนื่องจากผู้ป่วยลดการไปโรงพยาบาลลงเนื่องจากกลัวติดเชื้อ โดยเฉพาะโรงพยาบาลขนาดใหญ่ อย่าง BDMS และ BH ที่ดีบีเอสวิคเคอร์ส มองว่าเป็นลบมากกว่า เพราะเชื่อว่าการให้บริการตรวจโควิด-19 ไม่ช่วยชดเชยรายได้ IPD และ OPD จากคนไข้ปกติที่หายไป
ดีบีเอส วิคเคอร์สมองว่าโรงพยาบาลที่กลับได้ประโยชน์ ประเมินว่าน่าจะเป็น BCH เพราะได้ตรวจในจำนวนที่มากขึ้นจากความสามารถในการให้บริการสูงสุด (max capacity) คือ 10,000 เคส/วัน ซึ่งสูงที่สุดในกลุ่ม โดยปัจจุบัน สามารถให้บริการตรวจเชื้อได้ 3,000 เคสต่อวัน เทียบกับ 1,000 เคสต่อวันในไตรมาสแรกที่ผ่านมา ดังนั้น จึงสามารถที่จะชดเชยคนไข้ที่หายไปได้
โดยมีคำแนะนำระยะสั้นให้ "ซื้อ" สำหรับ BCH แต่กลุ่ม BDMS, CHG, BCH และ EKH ซึ่งเป็นหลักทรัพย์พื้นฐานดีของกลุ่ม แนะนำทยอยสะสม สำหรับการลงทุนระยะยาว