BJC ปักธงไตรมาส 4 คึกคัก สินค้าใหม่–เทศกาลหนุน

#BJC #ทันหุ้น – BJC ส่งสัญญาณ Q4 คึกคัก ท่องเที่ยว–เทศกาลปลายปีหนุน SSSG ดีขึ้นเล็กน้อย รับแรงหนุนจากสินค้ากลุ่มเทศกาล–สินค้าใหม่โตเด่น พร้อมอัตราเช่าพื้นที่แตะ 91% ใกล้เป้าหมายทั้งปี ขณะที่ทั้งปียังคงคาดรายได้ทรงตัวและมาร์จิ้นดีขึ้นในกรอบ 15–20% โบรกมองธุรกิจยังฟื้นตัวได้อย่างจำกัด กำลังซื้อยังไม่กลับมาแม้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ชูเป้า 22 บาท
นางสาวอัญชลี ริมวิริยะทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC เปิดเผยว่า แนวโน้มการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ในไตรมาส 4/2568 คาดการณ์ว่าจะดีขึ้นกว่าไตรมาส 3/2568 เล็กน้อย ซึ่งบริษัทมีความหวังสูงต่อยอดขายช่วง เทศกาลสิ้นปีเดือนธันวาคม โดยเฉพาะจากกลุ่มสินค้าใหม่ เช่น กลุ่มแคมปิ้ง รวมถึงสินค้าเทศกาล คริสต์มาส, ของขวัญ และของเล่นเด็ก
โดยมีสินค้าใหม่ราว 50% ที่ทำผลงานได้ดีและเติบโตประมาณ 20% ในเดือนตุลาคมและเพิ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา ทำให้คาดว่าไตรมาส 4/2568 ที่เป็นช่วงไฮซีซันจะช่วยผลักดันยอดขายได้ อีกทั้งจะมีการเปิดสาขาขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังตั้งเป้าหมายอัตราการเช่าพื้นที่ทั้งปีไว้ที่ 92% ซึ่งอัตราการเช่าพื้นที่ในเดือนตุลาคม 2568 แตะที่ 91% แล้ว
*ยอดขายเติบโตทรงตัว
ดังนั้นจึงคาดการณ์ว่าแนวโน้มผลประกอบการปี 2568 คาดยอดขายรวมจะเติบโตแบบทรงตัว เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะดีขึ้นอยู่ในระดับ 15-20% YoY โดยแบ่งตามธุรกิจได้แก่ 1.ธุรกิจ Packaging คาดว่าจะเติบโตในระดับต่ำจนถึงติดลบ ซึ่งยอดขายหลักๆ มาจากกลุ่มบรรจุภัณฑ์แก้วที่เติบโตอยู่ในตัวเลขหลักเดียวระดับกลางส่วนบรรจุภัณฑ์กระป๋องอาจลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ภาพรวมครึ่งหลังของปีนี้ดีขึ้นมากเทียบกับครึ่งปีแรก เพราะมีออเดอร์กลับมา
2.ธุรกิจ Consumer ยังคงดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ระดับ Single Digit หรือตัวเลขหลักเดียว 3.ธุรกิจ Healthcare และ Technical คาดว่าจะเติบโตในระดับต่ำจนถึงติดลบ 4.ธุรกิจ Modern Retail คาดว่าจะเติบโตในระดับต่ำจนถึงติดลบ รวมถึง SSSG จะเติบโตในระดับเดียวกัน
*จับตาปัจจัยภายนอก
ด้านผลประกระทบจากปัจจัยภายนอก บริษัทได้รับผลประโยชน์เชิงบวกจากโครงการคนละครึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มร้านค้าโดนใจที่เป็นพาร์ตเนอร์ มียอดขายเติบโตขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงเริ่มโครงการ นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากการเพิ่ม Big C ที่เป็น Physical Store เพื่อใช้เป็นฐานในการกระจายสินค้าให้กับร้านค้าโดนใจ
ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา บริษัทได้รับผลกระทบบางส่วน โดยเฉพาะในสาขา Big C ที่อยู่ตามแนวชายแดน แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เรื่องจากมีสัดส่วนที่น้อย ขณะที่บริษัทได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ ซึ่งได้ปิด Big C Mini ที่ถูกน้ำท่วมประมาณ 20 กว่าสาขา
*ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง BJC ว่า ยอด SSSG ในช่วงต้นไตรมาส 4/2568 ติดลบ 3-5% YoY ใกล้เคียงกับไตรมาส 3/2568 สะท้อนการฟื้นตัวของยอดขายที่ทำได้จำกัด และการรีโนเวทสาขาขนาดใหญ่ยังไม่เสร็จสิ้น อีกทั้งในด้านต้นทุนจากการแข่งขันที่มากขึ้นในธุรกิจค้าปลีกมีโอกาสกดดันให้อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจ Big C ฟื้นตัวยาก
จึงประเมินแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/2568 มีโอกาสลดลง YoY แต่จะเติบโตเด่น QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล ถึงแม้ว่าจะผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว แต่ยังไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัวของกำลังซื้อในทุกธุรกิจที่ชัดเจนในราคาเหมาะสม 22 บาท
นอกจากนี้ BJL (บริษัทย่อย) และ DHL Supply Chain (Thailand) ลงนามสัญญาร่วมทุน (JV) 50:50 เพื่อยกระดับการบริหารคลังสินค้าและซัพพลายเชนของกลุ่ม BJC สู่มาตรฐานโลก โดยบริษัทจะโอนงานโลจิสติกส์ภายใน (ยกเว้น Last MileDelivery) และ DHL จะโอนลูกค้ากลุ่ม Healthcare เข้ามาใน JV ความร่วมมือนี้ BJC ตั้งเป้าลดต้นทุน 360 ล้านบาทต่อปีภายในปีที่ 3 และขยายฐานลูกค้าใหม่โดยใช้เครือข่ายของ DHLซึ่งมีฐานลูกค้ากลุ่ม Healthcare ทั่วโลก
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
