รีเซต

AOT โบรกฯ ชี้กำไรปกติ Q4/68 สูงกว่าตลาดคาด แนะนำถือ

AOT โบรกฯ ชี้กำไรปกติ Q4/68 สูงกว่าตลาดคาด แนะนำถือ
ทันหุ้น
24 พฤศจิกายน 2568 ( 10:08 )

#AOT #ทันหุ้น-บล.กสิกรไทย ระบุว่า AOT รายงานกำไรปกติไตรมาส 4/68 ที่ 4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% QoQ แต่ลดลง 8% ผลประกอบการออกมาสูงกว่าประมาณการของตลาด 12.6% การปรับตัวดีขึ้น QoQ มาจากรายได้ค่าบริการขึ้นลงของอากาศยาน รายได้จากการให้บริการ และรายได้สัมปทานที่เพิ่มขึ้น แต่ที่กำไรลดลง QoQ เกิดจากจำนวนผู้โดยสารที่ลดลง , รายได้สัมปทานที่ลดลงซึ่งผูกกับปริมาณผู้โดยสาร AOT

ฝ่ายวิจัยกสิกรไทยได้ทำการวิเคราะห์ความอ่อนไหว โดยอ้างอิงจากการลดลงทุกๆ 10 บาทของรายได้ขั้นต่ำต่อหัวภายใต้สัญญา KPD ที่สนามบินสุวรรณภูมิ การลดลงทุก 10 บาทดังกล่าวหมายถึงความเสี่ยงขาลงต่อราคาเป้าหมายสิ้นปี 2569 จำนวน 0.70 บาทต่อหุ้น และต่อประมาณการกำไรสุทธิของฝ่ายวิจัย 395 ล้านบาท

ฝ่ายวิจัยคงคำแนะนำถือ หุ้น AOT ให้ราคาเป้าหมาย 40 บาท โดยคาดว่าจะมีความขัดเขนมากขึ้นเกี่ยวกับสัญญาสัมปทานและการปรับขึ้น PSC ในการประชุมนักวิเคราะห์วันนี้

ด้านบล.เอเซีย พลัส ระบุว่า AOT รายงานกำไรปกติงวดไตรมาส 4/68 (ก.ค. - ก.ย.) ที่ 4พันล้านบาท (+9.5% QoQ จากมาร์จิ้น แต่ลด 8% YoY จากรายได้ชะลอตัวตามผู้โดยสารระหว่างประเทศ) สูงกว่า BB Consensus 13% จาก Operating profit margin (OPM) เพราะการบริหารค่าใช้จ่ายพนักงาน ซึ่งในมุมฝ่ายวิจัยมองเป็นสัญญาณดี เทียบกับในอดีตที่ค่าใช้จ่ายนี้เพิ่มทุกไตรมาส 4

สำหรับแนวโน้มกำไรฯ ปี 2569 – 2570 ยังคงขึ้นอยู่กับ 2 ตัวแปร หลักๆ คือ ฝั่งบวกอย่างค่าบริการผู้โดยสารขาออก (สัดส่วน 39% ของรายได้) จากการขอปรับขึ้น PSC และฝั่งลบจากรายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ (สัดส่วน 32% ของรายได้) คาดได้บทสรุปภายใน ธ.ค. 68 ซึ่งประมาณการปัจจุบันของฝ่ายวิจัยยังไม่ได้รวมผลของ 2 ตัวแปรนี้

ภายใต้ Sensitivity Analysis บนกรณีBest case ที่ PSC เพิ่ม 200 บาทต่อคน แบ่งเป็นระหว่างประเทศขยับมาที่ 1,000 บาทต่อคน (ปัจจุบัน 730 บาทต่อคน) และในประเทศมาที่ 330 บาทต่อคน (ปัจจุบัน 130 บาทต่อคน) รับรู้ 6 เดือนปี 2569 และหลังจากนั้นรับผลบวกเต็มปี พร้อมกำหนดให้รายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ต่ำลงจากสมมติฐาน 25% จะทำให้กำไรฯ ปี 2569 –70 สูงขึ้นจากประมาณการปัจจุบัน 8% และ 33% ตามลำดับ

หากในระยะถัดไป ฝ่ายวิจัยมีการปรับเพิ่มกำไรฯ ตาม Sensitivity ข้างต้น ในเชิงของราคาเป้าหมาย จะขยับขึ้นจาก 41 บาท เป็น 54 บาท (เทียบเท่า PER ปี 2569 ที่ 33 เท่า และปี2570 ที่ 25 เท่า VS PER หุ้นสนามบินต่างประเทศเฉลี่ย 22 เท่า)

ราคาหุ้นมีโอกาสตอบสนองเชิงบวกระยะสั้น จากการบริหารค่าใช้จ่ายในงวดไตรมาส 4/68 แต่ Forward PER (บน EPS ที่ยังไม่รวมผลของ PSC และการให้ส่วนลดกับ KP) ที่ 27 เท่า Capex cycle จากการขยายสนามบิน และความไม่แน่นอนของการขึ้น PSC (จากการใกล้เข้าสู่ช่วงเลือกตั้ง) จะเป็นปัจจัยจำกัดทางขึ้นของราคาหุ้นในระยะกลาง โดยแนะนำอยู่ฝั่งขายหากราคาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับ FV ตาม Sensitivity กรณี Best caseข้างต้น

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง