รีเซต

“โกลเบล็ก” คาด "หุ้นไทย" สัปดาห์นี้ซึมต่อ ปัจจัย "สหรัฐฯ" กดดัน แนะเก็งกำไร MSCI

“โกลเบล็ก” คาด "หุ้นไทย" สัปดาห์นี้ซึมต่อ ปัจจัย "สหรัฐฯ" กดดัน แนะเก็งกำไร MSCI
TNN ช่อง16
24 พฤศจิกายน 2568 ( 12:11 )
13

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) ในสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway Down โดยปัจจัยสำคัญที่ยังสร้างความไม่ชัดเจน ได้แก่ ข้อมูลแรงงานล่าสุดของสหรัฐอเมริกา ซึ่งสะท้อนภาวะตลาดแรงงานที่ยังไม่แน่นอน รวมถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในการประชุมเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้  โดยคาดว่าดัชนี SET จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,220 – 1,280 จุด  

สำหรับปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อบรรยากาศการลงทุนในช่วงนี้ โดยแบ่งเป็นปัจจัยบวกและปัจจัยลบ ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกและทิศทางเศรษฐกิจไทย สำหรับปัจจัยบวก ยังคงเป็นการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกันยายน ของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 119,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 53,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เดือนสิงหาคมการจ้างงานลดลง 4,000 ตำแหน่ง สะท้อนถึงการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์

และข้อมูลจาก FedWatch Tool ของ CME Group ที่ได้ระบุว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 73.3% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 3.50–3.75% ในการประชุมเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 39.1% ซึ่งเป็นสัญญาณบวกต่อทิศทางการเงินโลก

ส่วนปัจจัยบวกในประเทศไทย ยังคงเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล หลังจากนายเอกนิติ    นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เปิดฉากทัศน์ Thailand 2026 “ปรับ-เปลี่ยน-ไปต่อ” โดยประเมินว่าแนวทาง Quick Big Win จะมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/2568 ช่วยลดความเสี่ยงจากการชะลอตัว และสร้างความเชื่อมั่นต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะต่อไป

ส่วนปัจจัยลบ ที่น่าจับตา ตัวเลขอัตราการว่างงานเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวที่ 4.3% แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้นเกินคาด และการลดความสำคัญต่อความร่วมมือพหุภาคีหลังทำเนียบขาวประกาศว่าสหรัฐฯ จะไม่เข้าร่วมการหารืออย่างเป็นทางการใด ๆ ในการประชุมสุดยอด กลุ่ม G20 ที่จะจัดขึ้นในแอฟริกาใต้ 

“นอกจากนี้ IMF ประเมินว่า GDP โลกปี 2568 จะขยายตัวที่ 3.2% และปี 2569 จะชะลอตัวลงเหลือเพียง 3.1% ซึ่งยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ 3.7% สะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ช้ากว่าที่คาดการณ์”

ขณะเดียวกัน ยังคงต้องเฝ้าระวังปัจจัยในประเทศที่อาจจะส่งผลต่อการลงทุนได้เช่นกัน อาทิ สัปดาห์ที่ 4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ, สศอ. แถลงดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม, สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค, วันที่ 28 พ.ย. ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย, วันที่ 17 ธ.ค. กำหนดประชุมกนง. ครั้งที่ 6/2568

ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่ยังเฝ้าติดตาม อาทิ วันที่ 24 พ.ย. สหรัฐฯ รายงานดัชนีการผลิตเดือนพ.ย.จากเฟดสาขาดัลลัส ดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนก.ย.และต.ค.จากเฟดสาขาชิคาโก, วันที่ 25 พ.ย. สหรัฐฯ ADP รายงานตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนรายสัปดาห์ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จาก Conference Board, วันที่ 9-10 ธ.ค. ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ครั้งที่ 8/6819 พ.ย. สหรัฐฯ รายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์

นายวัชเรนทร์ จงยรรยง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้น  MSCI Rebalance  ปรับน้ำหนักการลงทุน เพื่อสะท้อนโครงสร้างตลาดและสภาพคล่องของหุ้นที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 หุ้นเข้าได้แก่  M แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ส่วนหุ้นออก ได้แก่  AAV, CKP, JTS, QH, TPIPP แนะนำ “ระวังแรงขาย” หุ้นที่ถูกปรับออก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง