รีเซต

นักวิจัยค้นพบ “สัตว์ที่ไม่รู้จัก” 788 สปีชีส์ จากการทำ “เหมืองแร่ใต้ทะเล” ที่กำลังคร่าชีวิตพวกมัน

นักวิจัยค้นพบ “สัตว์ที่ไม่รู้จัก” 788 สปีชีส์ จากการทำ “เหมืองแร่ใต้ทะเล” ที่กำลังคร่าชีวิตพวกมัน
TNN ช่อง16
14 ธันวาคม 2568 ( 15:45 )
18

ทีมนักวิจัยจากโครงการสำรวจทะเลลึกนานาชาติภายใต้ข้อกำหนดของ International Seabed Authority (ISA) ซึ่งกำกับดูแลการประเมินสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ทะเลลึกของโลก ค้นพบ “สิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนจำนวนมาก” จากการทำเหมืองแร่ที่ระดับความลึก 4,000 เมตร (13,123 ฟุต) ซึ่งอาศัยอยู่ใต้พื้นมหาสมุทรแปซิฟิกในเขต Clarion–Clipperton Zone (CCZ) พื้นที่ที่มนุษย์ยังสำรวจไปได้น้อยมาก

ความต้องการ “โลหะสำคัญ” ผลักดันการสำรวจใต้ทะเลลึก

ดร.โธมัส ดาห์ลเกรน (Thomas Dahlgren) นักชีววิทยาทางทะเลจากมหาวิทยาลัยโกเธนเบิร์ก ระบุว่า ความต้องการโลหะหายากและโลหะสำคัญ เช่น โคบอลต์, นิกเกิล, และแมงกานีส ซึ่งมีอยู่มากบนพื้นทะเลลึก กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากเทรนด์ความต้องการ “พลังงานสะอาด” ทั่วโลก

แต่มนุษย์ยังขาดความเข้าใจ ว่าการสกัดโลหะหายากเหล่านี้ อาจสร้างผลกระทบอย่างไรบ้าง ต่อระบบนิเวศใต้ท้องทะเล โครงการสำรวจดังกล่าวจึงเป็นหนึ่งในความพยายามครั้งใหญ่ ในการสร้าง “ข้อมูลพื้นฐาน” สำหรับการวางแผนและกำกับดูแลการทำเหมืองใต้ทะเลลึกในอนาคต

ผลวิจัยตลอด 5 ปีชี้ผลกระทบเด่นชัด

การสำรวจใต้พื้นมหาสมุทรแปซิฟิกในเขต Clarion–Clipperton Zone (CCZ) ซึ่งกินพื้นที่ระหว่างเม็กซิโกและฮาวาย ใช้เวลานานกว่า 5 ปี และพบผลกระทบชัดเจนจากการทำเหมืองแร่หลายอย่าง ทั้งจำนวนสัตว์ที่ลดลง 37% ในบริเวณที่รถเก็บแร่เคลื่อนผ่าน ทำให้ความหลากหลายทางสายพันธุ์สัตว์ที่ค้นพบลดลง 32% และระบบนิเวศในพื้นที่ดังกล่าว มีการฟื้นตัวที่ช้าลง

แม้ผลการทำเหมืองจะไม่ได้ทำลายระบบนิเวศทั้งหมด แต่ก็ยืนยันว่าการรบกวนโดยตรงจากเครื่องจักร สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมพื้นทะเลได้อย่างชัดเจน

ค้นพบ 788 สปีชีส์ รวมถึงสิ่งมีชีวิตใหม่จำนวนมาก

ในระหว่างโครงการ นักวิจัยเก็บตัวอย่างสิ่งมีชีวิตได้จำนวน 4,350 ตัว ที่มีขนาดใหญ่กว่า 0.3 มิลลิเมตร ขึ้นไป และสามารถจำแนกได้ทั้งหมด 788 สปีชีส์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็น ไส้เดือนทะเล, ครัสเตเชียน, หอยและมอลลัสก์

แม้จะมีจำนวนสัตว์เพียง 200 ตัวต่อหนึ่งชุดตัวอย่าง เมื่อเทียบกับในทะเลเหนือที่มีมากกว่า 20,000 ตัว แต่กลับมีจำนวนสายพันธุ์ใกล้เคียงกัน ซึ่งสะท้อนถึงความหลากหลายทางชีวภาพที่สูงมาก ในสภาวะไม่มีแสงและสารอาหารที่ต่ำ เนื่องจากสัตว์ส่วนใหญ่เป็นสปีชีส์ ที่ไม่เคยค้นพบมาก่อน ทีมนักวิจัยจึงต้องใช้เทคนิค DNA เพื่อจำแนกสายพันธุ์และศึกษาบทบาททางนิเวศของพวกมันร่วมไปด้วย

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นักวิจัยเน้นย้ำคือความสำคัญในการประเมินความเสี่ยงต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ก่อนที่โลกจะก้าวเข้าสู่การทำเหมืองใต้ทะเลลึกในระดับเชิงพาณิชย์ในอนาคต ซึ่งพื้นที่กว่า 30% ของใต้พื้นมหาสมุทรแปซิฟิกในเขต Clarion–Clipperton Zone (CCZ)  นั้นอยู่ในเขตคุ้มครอง แต่มนุษย์แทบไม่รู้จักสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เหล่านี้เลย การศึกษาเชิงลึกจึงมีความจำเป็นอย่างมาก ในการกำหนดแนวทางการจัดการทรัพยากรในพื้นที่อย่างถูกต้อง

แหล่งที่มา :  interestingengineering.com/

ข่าวที่เกี่ยวข้อง