ใช้บัตรเครดิตอย่างไรให้ปลอดภัย? รวมวิธีป้องข้อมูลรั่ว เงินถูกดูดจากบัญชี
ช้อปปิ้งด้วยจ่ายผ่านบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต เป็นอีกหนึ่งบริการที่หลายคนนิยมใช้ เพราะมีความสะดวก รวดเร็ว เติมความสุขในการจับจ่ายได้อย่างที่ต้องการ ทันใจ และยังช่วยให้ไม่ต้องพก "เงินสด" จำนวนมาก ๆ เสี่ยงให้เกิดการถูกจี้ปล้น หรือทำเงินหล่นหายได้ง่าย แถมยังสามารถบริหารจัดการเงินได้หากใครคนนั้นวางแผนการใช้เงินอย่างเป็นระบบ
แต่การจ่ายผ่านบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิด แม้ว่ามีข้อดีต่าง ๆ แต่การใช้จ่ายผ่านบัตรต่าง ๆ ก็มีข้อเสียที่ต้องระวังไม่แพ้กัน วันนี้ TrueID มีเคล็ดลับให้ขาช้อปทั้งหลายระมัดระวังการใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตให้ปลอดภัย ดังนี้
เปิดวิธีป้องกัน "เงินถูกดูดจากบัญชี"
1. ห้ามคลาดสายตาจากบัตร
เมื่อขาช้อปซื้อไอโฟน 13 สักครั้ง หากเลือกซื้อหน้าร้าน เป็นไปได้ไม่ควรปล่อยให้บัตรเครดิตคลาดสายตาในระหว่างที่พนักงานนำบัตรของคุณไปรูดชำระสินค้า เพราะการคัดลอกข้อมูลบนบัตรมีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ได้ทุกที่ และทุกเมื่อ
2. ตรวจสอบสลิปก่อนเซ็น
หลังจากที่ตัดสินใจซื้อสินค้าแล้ว เมื่อพนักงานรูดบัตรไปแล้ว อย่าลืมตรวจสอบสลิปจำนวนเงินที่ชำระไปตรงกับราคาสินค้าที่ซื้อหรือเปล่า อย่ามองข้ามเรื่องสำคัญนี้เด็ดขาด และอย่าลืมถ่ายสลิปเก็บไว้ หากมีปัญหาเกี่ยวกับสินค้าจะได้ติดต่อเปลี่ยนสินค้า หรือคืนสินค้า
3. รับบัตรคืนทุกครั้งหลังชำระเงิน
อย่าลืมรับบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต และตรวจสอบบัตรของคุณคืนทุกครั้งจากพนักงานหลังชำระสินค้าแล้ว หลายคนมักลืมหยิบแต่ของที่ซื้อแต่ลืมบัตร ซึ่งอาจเสี่ยงเกิดช่องโหว่ให้ข้อมูลบนบัตรของเรารั่วไหลได้ง่าย
4. เลข 3 ตัวหลังบัตรเครดิต ความลับที่ต้องระวัง
เพจเฟซบุ๊ก PCT POLICE ได้โพสต์เกี่ยวกับประเด็นร้อนหลังมีผู้เสียหายถูกหักเงินออกจากบัญชีธนาคารว่า เมื่อเช้า ดูเรื่องเล่าเช้านี้ มีเคสที่ผู้เสียหายถูกถอนเงินไปที่บริษัทต่างประเทศหลายราย ครั้งละจำนวนไม่มาก แต่เกิดขึ้นถี่ยิบ รวมแล้วก็เป็นเงินหลายบาท โดยขอออกมาเตือนก่อนละกัน เท่าที่ดูจากเนื้อข่าว สิ่งที่เป็นไปได้มาก น่าจะเป็นการหักเงินจากบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ที่เราผูกไว้กับแอปพลิเคชั่นใดแอพหนึ่ง หรือหรือหรือ คนร้ายมีข้อมูลบัตรเครดิตเราครบถ้วนอะไรบ้าง
1. ชื่อผู้ถือบัตร
2. วันหมดอายุ
3. เลข CVV หรือ CVC (ตัวนี้สำคัญมาก)
ซึ่ง CVV หรือ CVC จะเป็นเลข 3 หลัก ที่อยู่หลังบัตร ซึ่งเลขตัวนี้ จะเป็นตัวยืนยันความถูกต้องของข้อมูลทุกอย่างภายในบัตร ถ้ากรอก 3 อย่างนี้ครบถูกต้อง ระบบคอมพิวเตอร์มันก็เชื่อว่า คนที่กรอกเข้าไปนั้น เป็นเจ้าของบัตรไงละ แล้วมันก็จะถอนเอาเงินเราไปยังไงก็ได้ ก่อนที่จะได้ความชัดเจนจากธนาคาร ขอเตือนกันแค่นี้ก่อนนะครับ
5. ช้อปออนไลน์ผ่าน True Money Wallet ใช้จ่ายปลอดภัยกว่า
สำหรับ TrueMoney Wallet เป็นกระเป๋าเงินดิจิทัล (E-Wallet) จาก TrueMoney ที่ให้เราสามารถใช้จ่ายประวันให้เป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะจ่ายบิล จ่ายค่าโทรศัพท์ ค่าน้ำ ค่าไฟ สินเชื่อ เติมเกม โดยไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมาก หรือไม่ต้องพกบัตรเครดิตหลายใบ แค่เพียง "เติมเงิน" เข้าระบบ ก็สามารถจัดการรายจ่ายต่าง ๆ หรือจ่ายสินค้าที่เราไปช้อปปิ้งตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยเพียงแค่เลือกการชำระบริการด้วย ทรูมันนี่วอเล็ต จากนั้น คุณก็เติมเงินเข้ากระเป๋าเงินดิจิทัล และทำตามขั้นตอนการชำระ หรือเปิด ทรูวอลเล็ต แล้วใช้ บัตรเครดิต we card ในแอปฯ สนใจสมัครใช้ TrueMoney Wallet ได้เลย
และนี่เป็นเพียงข้อปฏิบัติเบื้องต้นให้คุณใช้บัตรเครดิต หรือบัตรเดบิตที่อยู่ในมือได้อย่างปลอดภัย สิ่งที่สำคัญคือ คุณต้องวางแผนการใช้จ่าย หรือตั้งงบประมาณไว้ด้วยนะ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ใช้จ่ายเกินตัว ไม่ก่อหนี้โดยไม่ได้ตั้งใจได้ และจะเกิดอะไรขึ้น! เมื่อ 'ชื่อ-ที่อยู่-เบอร์โทร' ข้อมูลส่วนตัวตกอยู่ในมือมิจฉาชีพ ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนต้องหาความรู้เพื่อป้องกันตัวเองไว้ด้วย จะได้ไม่ตกเป้นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพ
ข่าวเกี่ยวข้อง :
- เงินไม่ได้หายไปไหน แค่รู้วิธีก็มีเงินกลับมา
- "เงินออกจากบัญชีเอง เพราะอะไร" ธปท.แจ้ง ไม่ได้มาจาก "แอปดูดเงิน" โดนหักเงินในบัญชี ต้องทำอย่างไร
- ชาวเน็ตแห่แชร์ วิธีการป้องกันการ “ถูกดูดเงินจากบัญชี” มีอะไรบ้างเช็กเลยที่นี่