PTTเร่งสปีดสร้างเงินสด ปี69เพิ่มอีกกว่า8หมื่นลบ.

#PTT #ทันหุ้น – PTT ปี 2569 ลุยเพิ่มกระแสเงินสดอีกกว่า 8 หมื่นล้านบาท เพื่อถึงเป้าหมายแตะ1 แสนล้านบาท (ปี 2568-2569) หลังจาก 9 เดือนปีนี้ทำได้แล้ว 1.5 หมื่นล้านบาท เดินหน้าปิดสถานีบริการ NGV ที่หมดสัญญา มองธุรกิจผลิตสำรวจปิโตรเลียม ปริมาณการขายโต แต่ราคาขายเฉลี่ยลดลงตามราคาน้ำมันดิบ ธุรกิจก๊าซยอดขายใกล้เคียงปีนี้ แต่ปิโตรเคมี-การกลั่นยังได้รับผลกระทบจากซัพพลายไหลเข้ามาต่อเนื่อง
นายอาภากร ชอุ่มทอง ผู้จัดการฝ่ายผู้ลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า ปตท.มีเป้าหมายในปี 2568-2569 จะมีกระแสเงินสดจากการดำเนินโครงการ บริหารความร่วมมือด้าน Supply Chain และ Marketing ของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ผ่านโครงการ P1 และ D1 ขับเคลื่อน Digital Transformation (AXIS) Asset Monetization (A1) Financial Excellence (F1) ซึ่งมีเป้าหมายที่จะมีกระแสเงินสดเข้ามา 1 แสนล้านบาท โดย 9 เดือน 2568 บริษัทมีกระแสเงินสดจากการทำโครงการดังกล่าวมาแล้ว จำนวน 1.5 หมื่นล้านบาท
@คงจ่ายปันผลดีต่อเนื่อง
สำหรับการจ่ายเงินปันผล ปตท.จะรักษาการจ่ายเงินปันผลไว้ระดับเดิม ซึ่งในงวดผลดำเนินงานงวด 6 เดือนปี 2568 ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.90 บาท ซึ่งคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล (Payout) ที่ 57% คิดเป็นผลตอบแทนเงินปันผล (ดิวิเดนด์ยิลด์) 7.3% จะพิจารณาในเรื่องแผนการลงทุน ความจำเป็น และแผนการลงทุนในอนาคตรักษาการจ่ายเงินปันผลให้ได้ระดับเดิม
ทั้งนี้ปตท.มีหุ้นกู้สกุลเงินบาทที่จะครบกำหนดในปี 2568-2569 รวม 3.2 หมื่นล้านบาท โดยในปี 2568 ปตท.ได้ออกหุ้นกู้ไปแล้ว 2 รุ่น รวมมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท เพื่อนำเงินไปลงทุน ทดแทนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ส่วนปี 2569 จะออกหุ้นกู้เท่าไรนั้น ก็จะต้องพิจารณาจากกระแสเงินสด สภาพตลาดหุ้นกู้ และโครงการที่จะลงทุน
“ในส่วนของสถานีบริการ NGV ปตท.ทยอยปิดให้บริการสถานีที่หมดอายุสัญญา ในเรื่องของค่าเงิน เรามีการทำ Natural Hedge ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบมากจากค่าเงินที่มีความผันผวน”
@มองน้ำมันดิบเต็มที่ 70 ดอลล์
นางสาวจิตรเรขา พึ่งพักตร์ ผู้จัดการส่วนผู้ลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท. กล่าวว่า ในปี 2569 ปตท.ประเมินราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ในช่วง 60 – 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากความไม่แน่นอนและความตึงเครียด, ปัญหานโยบายภาษี, และอุปทานที่เพิ่มขึ้นจาก OPEC+ และ Non-OPEC ราคาน้ำมันเตาคาดว่าจะปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันดิบ ประเมินค่าการกลั่น (Singapore GRM) คาดว่าจะอยู่ในช่วงประมาณ 4.3 - 5.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำหรับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในปีหน้า ซึ่งคาดว่าธุรกิจผลิตและสำรวจปิโตรเลียม (PTTEP) คาดว่าปริมาณการขายเพิ่มขึ้น จากราคาขายเฉลี่ยที่ปรับตัวลดลง ตามราคาน้ำมันดิบและก๊าซที่ลดลง แต่ต้นทุนต่อหน่วยคาดว่าจะอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ ส่วนธุรกิจก๊าซต้นทุนมีแนวโน้มปรับตัวลดลง จากราคา Spot LNG ที่มีแนวโน้มลดลง การปรับโครงสร้างราคาก๊าซในรูปแบบ Utility Model มองว่าจะทำให้ผลประกอบการมีทิศทางดีขึ้น โดยปริมาณขายคาดว่าจะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว
@ปิโตร-การกลั่นท้าทาย
ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น โดยภาพรวมปิโตรเคมียังคงได้รับแรงกดดัน โดยอุปทาน (Supply) มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปีหน้า,กลุ่มอะโรเมติกส์ สถานการณ์ราคาและส่วนต่างราคาคาดว่าจะลดลง เนื่องจากมีอุปทานใหม่เข้ามากดดันราคา และอุปสงค์ (Demand) ยังคงอ่อนแอ,กลุ่มโอเลฟินส์คาดว่าจะเผชิญกับความท้าทายในเรื่องส่วนต่างราคาเช่นกัน เนื่องจากมีอุปทานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อัตราการใช้กำลังการผลิตคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นในปี 2 เนื่องจากมีการปิดซ่อมบำรุงที่ลดลง
ด้านธุรกิจโรงกลั่นยังได้รับแรงกดดันจากกำลังการผลิตที่จะเพิ่มขึ้นในปีหน้า Stock Loss อาจจะสูงขึ้น หากราคาน้ำมันลดลงในปี 2569 ขณะที่ธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นผลของการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่ดีขึ้น และธุรกิจไฟฟ้า คาดว่าจะได้รับผลดีจากต้นทุนต้นทุนก๊าซมีแนวโน้มลดลง น่าจะส่งผลให้ผลประกอบการจากบริษัทร่วมมากขึ้น
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
