การควบรวม Makro-Lotus เสร็จต้น ต.ค. CPAXT โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 38 บ.
#CPAXT#ทันหุ้น - บทวิเคราะห์ โดย บล.กสิกรไทย
CPAXT การควบรวมกิจการจะแล้วเสร็จภายในต้นเดือน ต.ค.
Highlights
หุ้น CPAXT จะหยุดการซื้อขายเป็นเวลา 9 วันทำการ ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. ถึง 2 ต.ค.67 และจะกลับมาซื้อขายอีกครั้งในวันที่ 3 ต.ค.67 ในระดับราคาที่น่าจะสูงขึ้น 1.44% จากราคาปิดวันนี้
SSSG ไตรมาส 3/67 อยู่ที่ระดับเลขหลักเดียวต่ำ ทั้งสำหรับ B2B และ B2C ซึ่งหนุนโดยการเติบโตที่แข็งแกร่งของยอดขายอาหารสดและการขายผ่านช่องทาง omnichannel คาดกำไรของCPAXT ไตรมาส 3/67 จะเติบโต YoY แต่มีแนวโน้มลดลง QoQ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
บล.กสิกรไทยคงคำแนะนำ "ซื้อ" และ TP ที่ 38 บาท จากมูลค่าการผนึกกำลังที่อาจเกิดขึ้นของบริษัทใหม่ และคาดว่า CAGR ของกำไรสุทธิในช่วง 3 ปี จะอยู่ที่ 15%
Investment Topics
ขั้นตอนสุดท้าย CPAXT และบริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (เอก-ชัย) จะจัดประชุมผู้ถือหุ้นร่วมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ในวันที่ 23 ก.ย.2567เพื่อพิจารณาเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการ ตามมาตรา 148 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535โดยหุ้นของ CPAXT และ เอก-ชัย จะถูกแทนที่และกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้งภายในวันที่ 3 ต.ค.2567ทั้งนี้ หุ้น CPAXT จะถูกระงับการซื้อขายเป็นเวลา 9 วันทำการ (20 ก.ย.-2 ต.ค.) เพื่อเตรียมการจัดสรรหุ้นของบริษัทใหม่ (NeWCo)
ภายหลังการควบรวมกิจการ ทุนของ "NewCo" จะเท่ากับ 10,427.6618 ลบ. ที่ราคาพาร์ 1.0 บาท/หุ้น ดังนั้น อัตราการแปลงของหุ้น CPAXT เท่ากับ 0.9856 หุ้นของ "NeWCo" เนื่องจากจำนวนหุ้นจดทะเบียนของ "NewCo" ที่น้อยลง สำหรับผู้ถือหุ้นเดิมของ CPAXT จำนวนหุ้นที่ถืออยู่จะลดลง 1.44% ในขณะที่ราคาหุ้นของ "NewCo" น่าจะปรับขึ้น 1.44% เช่นกัน จากงบแสดงฐานะการเงินล่วงหน้า (pro forma financial statement) กำไรต่อหุ้น (EPS) และมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น (BV) ณ สิ้นปี 2566 จะเพิ่มขึ้นเป็น 0.83 บาท/หุ้น และ 28.06 บาท/หุ้น จาก 0.82 บาท/หุ้น และ 27.69 บาท/หุ้น ตามงบการเงินที่ตรวจสอบแล้ว
แนวโน้ม เราคาดว่าผลการดำเนินงานทางการเงินของ "NeWCo" จะเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในระยะสั้นหลังการควบรวมกิจการ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ คาดว่าจะได้รับประโยชน์ในระยะกลางถึงระยะยาว โดยการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการผนึกกำลังได้ประมาณ 1% ของยอดขายรวม หรือประมาณ 5 พันลบ. ภายใน 2-3ปีข้างหน้า การเติบโตดังกล่าวน่าจะเกิดจาก1) ประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้นในการดำเนินการด้านโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทาน 2) การจัดหาสินค้าภายในประเทศและต่างประเทศร่วมกัน 3) การใช้โปรแกรมส่งเสริมการขายร่วมกัน และ 4) งานบริหารการดำเนินการที่คล่องตัวขึ้น เรามีมุมมองเชิงบวกเล็กน้อยต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้น่าจะช่วยให้ CPAXT ลดความท้าทายในการกําหนดราคาโอน (Transfer pricing) และขจัดความซ้ำซ่อนระหว่างทั้ง 2 บริษัทได้ แต่การควบรวมกิจการจะมีค่าใช้จ่ายที่ปรึกษา และด้านการดำเนินการบางส่วน
อัปเดตการดำเนินงานอัตราการเติบโตยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของ CPAXT ไตรมาส3/2567 อยู่ในระดับตัวเลขหลักเดียวต่ำ ทั้งสำหรับธุรกิจ B2B และ B2C ซึ่งขับเคลื่อนโดยยอดขายออนไลน์และการมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ อย่างไรก็ตาม การบริโภคโดยรวมไตรมาส 3QTD อ่อนตัวลง เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/2567จากการชะลอตัวตามฤดูกาลซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน แม้จะเป็นเช่นนั้น ปัจจัยสำคัญของการเติบโต ได้แก่ สถานะที่แข็งแกร่งของสินค้าอาหารสดและการเติบโตเร็วของยอดขายผ่านทาง omnichannel ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 17.2%ในไตรมาส 2/2567 จาก 12.4% ในไตรมาส 2/2566 โดยได้รับแรงหนุนจากบริการจัดส่งตามความต้องการ โดยเฉพาะในช่วงดูฝน ดังนั้น เราจึงคาดว่ากำไรไตรมาส 3/2567 ของ CPAXT จะเติบโตขึ้น YoY จากอัตรากำไรที่ปรับดีขึ้น แม้ว่ามีแนวโน้มที่จะลดลง QoQ จากปัจจัยตามฤดูกาลก็ตาม
Valuation and Recommendation
คงคำแนะนำ "ซื้อ" บล.กสิกรไทยคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 38.00 บาท โดยคำนวณด้วยวิธี DCF โดยใช้ส่วนลด 8.8% ซึ่งเท่ากับ PER ปี 2567 ที่ 40 เท่า หรือประมาณ 1SD มากกว่าค่าเฉลี่ย PERในอดีต หลังจากการควบรวมกิจการแล้ว ราคาเป้าหมายของเราจะถูกปรับขึ้นเป็น 38.60บาท/หุ้น จากจำนวนหุ้นที่จดทะเบียนน้อยลง