KTB วางยุทธศาสตร์ 5 ด้าน ปี 69 รับความท้าทาย GDP ไทย โตต่ำต่อเนื่อง

KTB วางยุทธศาสตร์ 5 ด้าน ปี 69 รับความท้าทาย GDP ไทย โตต่ำต่อเนื่อง
#ทันหุ้น #SET #KTB นายธวัชชัย ชีวานนท์ ประธานผู้บริหาร Product & Business Solutions ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ในปึ 2569 ทาง KTB ยุทธศาสตร์หลัก คือ “ยุทธศาสตร์ 5 ด้าน” และปีนี้ถือเป็นปีที่จะต้อง “ลงมือขับเคลื่อนจริง” เพื่อเสริมความแข็วแกร่งให้กับธุรกิจและสนัยสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน
เล็งโมเดลหนุนโตปี 69
โดยในส่วนที่ 1. คือ การยึดโยงกับภาครัฐและ Public Ecosystem ใช้จุดแข็งด้านความสัมพันธ์และโครงสร้างเชื่อมต่อกับหน่วยงานรัฐ มาต่อยอดสู่ธุรกิจ Corporate, SME และ Retail และ2. ได้แก่ การสร้าง New Growth Engine ในการมองหาเซ็กเมนต์ลูกค้าใหม่ ๆ เช่นกลุ่มที่ยังไม่เข้าถึงบริการทางการเงิน กลุ่ม Wealth ที่ต้องการ Investment product ที่ซับซ้อนขึ้นตลอดจนการเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการลูกค้า Corporate และ SMEซึ่งกรุงไทยเองต้องเป็นหนึ่งในธนาคารที่ลูกค้ามองว่าให้โซลูชันครบเช่นกัน
ส่วนที่ 3 นั้นจะเป็นการยกระดับประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience)ลด Pain point สำคัญ เช่น การไปสาขาแล้วคนเยอะ ต้องรอคิวนาน ธนาคารต้องออกแบบบริการใหม่ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น และส่วนที่ 4. คือ การลงทุนต่อเนื่องในด้าน Tech และ Data ในช่วง 9–10 ปีที่ผ่านมา กรุงไทยลงทุนเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีและข้อมูลอย่างหนัก ซึ่งสิ่งที่ต้องทำต่อ ทั้งเรื่องการใช้ Data ในเชิงลึก และการนำ AI มาใช้ช่วยตัดสินใจทางธุรกิจ
ขณะที่ในส่วน 5. ได้แก่ การปรับวัฒนธรรมองค์กรสู่ New Gen & Open Culture เปลี่ยนจากภาพธนาคารกึ่งภาครัฐแบบเดิม ให้กลายเป็นองค์กรที่เปิดกว้าง คล่องตัว และมี DNA แบบผู้ประกอบการ (Entrepreneurial mindset) มากขึ้น
ทั้งนี้ การดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ดังกล่าวนั้นยังคงมีความท้าทาย โดยหากดูตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP หรือ “จีดีพี”) ไทยในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นภาพตรงกันว่า “จีดีพีโตต่ำต่อเนื่อง” และแนวโน้มในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ก็ยังอยู่ในระดับ 1–2% และเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย หรือแม้แต่กลุ่มประเทศในเอเชียกลาง จะเห็นว่าประเทศเหล่านั้นมีศักยภาพการเติบโตสูงกว่ามาก จึงถือเป็นอีกความท้าทายของธนาคารในอนาคต
ปีนี้ROEเหนือ10%
สำหรับปี 2568 ทางธนาคารกรุงไทยตั้งเป้ารักษาอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ (ROE) ต้องเติบโตมากกว่า 10% หลังในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่กว่า 12 % เนื่องจากต้องการให้ให้ผู้ถือหุ้น “เริ่มเห็นมูลค่า (Value)” ของธนาคารสะท้อนออกมาที่ราคาหุ้นมากขึ้น ทั้งในแง่ของ Price to Book และมูลค่าตลาดโดยรวมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมยิ่งขึ้น
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
