Thunhoon Scoop : เตือน บจ.ระวังสายไป ยกระดับข้อมูลคาร์บอน

#เตือน บจ. #ทันหุ้น - สถานการณ์น้ำท่วมหนักหาดใหญ่แบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้ตระหนักชัดเจนว่าภาวะโลกร้อนไม่ได้เป็นคำเตือนลอยๆ อีกต่อไป ความแปรปรวนของสภาพอากาศกำลังส่งผลโดยตรงต่อเศรษฐกิจ การเมือง และชีวิตคนไทยทุกภาคส่วน
นี่เองคือจุดที่ “SETCarbon” กำลังกลายเป็นจิ๊กซอว์สำคัญ ไม่ต่างจากระบบเตือนภัยน้ำท่วม แต่เป็นระบบเตือนภัยโลกร้อนของประเทศ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้พัฒนา SETCarbon ขึ้นเป็นระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อจัดเก็บ–คำนวณ–วิเคราะห์–รายงาน GHG แบบครบวงจร และใช้มาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ซึ่งมีจำนวนบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เข้าร่วมเก็บข้อมูลราว 299 บริษัท
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดกำลังเกิดขึ้นเมื่อ SETCarbon ได้รับการรับรองจาก องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ในประเภท “แพลตฟอร์มการรายงานคาร์บอนฟุตพรินต์ขององค์กร”
นี่คือการประกาศว่า "ข้อมูลจาก SETCarbon เชื่อถือได้ในระดับประเทศ" ถูกต้องตามมาตรฐานสากล ใช้อ้างอิงได้ทั้งในไทยและต่างประเทศ และเป็นฐานข้อมูลกลาง (Anchor Dataset) ที่ภาคส่วนต่างๆ นำไปใช้ร่วมกันได้
@ ระวังสายเกินไป
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานพัฒนาความยั่งยืนตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ เป็น 1 ใน 7 องค์กรในประเทศไทย ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อบก. นับเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นภาคธุรกิจไทยในการเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2593 (2050) และยังเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนา "ฐานข้อมูลคาร์บอนกลาง" ของประเทศ สร้างมาตรฐานข้อมูลเดียวกันสำหรับทุกภาคส่วน สำหรับการรับรองนี้มีอายุ 3 ปี
นับแรงดึงดูดใหม่เพื่อให้ บจ. เข้ามาร่วมระบบมากขึ้น อย่าลืมว่า วันนี้ผู้จัดการกองทุนเริ่มใช้ข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ประเมินความเสี่ยงของหุ้น ธนาคารเริ่มใช้ข้อมูลจาก SETCarbon ประเมิน Green Loan และ Climate Finance
และในอนาคตเมื่อกฎหมาย Climate Change Act เริ่มกำหนดให้ 14 อุตสาหกรรม (คิดเป็น 37% ของ GDP) ต้องรายงานการปล่อยก๊าซแบบภาคบังคับ รวมถึงมาตรฐาน ISSB (IFRS S2) ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้กับกลุ่ม SET50 โดยใช้ข้อมูลปี 2026 รายงานปี 2027 ขณะเดียวกัน Green Loan/Bond โต 24% YoY
ดังนั้นบริษัทใดไม่มีระบบจัดเก็บข้อมูลที่เชื่อถือได้ จะเสียเปรียบอย่างชัดเจนในเวทีทุนโลก
@ ข้อมูลสำคัญ
ทั้งนี้ SET เดินหน้าพัฒนา ระบบนิเวศคาร์บอนครบวงจร หรือ SET Climate Ecosystem Development ซึ่งรวมเครื่องมือ โครงสร้างพื้นฐาน และบริการสำคัญไว้ครบ เช่น Data & Reporting ฐานข้อมูล GHG ระดับประเทศ SETClimate Advisory Services บริการที่ปรึกษาด้านการจัดการคาร์บอน Master Trading Agreement สัญญามาตรฐานซื้อขายคาร์บอนเครดิต Carbon Market พัฒนาโครงสร้างตลาดคาร์บอนเครดิตภาคสมัครใจและภาคบังคับ Low Carbon Cities Project (เริ่มปี 2569) ระบบประมูลคาร์บอนเครดิต เตรียมพร้อมรองรับ ETS ระบบซื้อ–ขายสิทธิการปล่อยก๊าซตามกฎหมายในอนาคต
จากโครงสร้างดังกล่าว “SETCarbon” จึงกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลคาร์บอนสำคัญสำหรับทั้งธุรกิจ สถาบันการเงิน และนักลงทุน
ด้านแผนพัฒนา Roadmap 2024–2026 นั้น ในปี 2024 : พัฒนา Scope 1–2 และนำร่องกับ 20 บจ. และผู้ทวนสอบ 7 ราย ปี 2025 : เปิดใช้งานเต็มรูปแบบ เชื่อมต่อกรม Climate Change และ e-One Report รวมถึงเพิ่มพันธมิตรธนาคาร เช่น ทีเอ็มบีธนชาต ตั้งเป้าบริษัทใช้ระบบ >100 ราย ปี 2026 : ครอบคลุมครบทุก Scope รองรับ IFRS S2 ขยายสู่ SME และพัฒนา AI วิเคราะห์ข้อมูลคาร์บอนเพื่อการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์
ระบบ SETCarbon จะช่วยให้ธุรกิจเก็บข้อมูลอัตโนมัติ ลดความผิดพลาด ตรวจสอบแบบเรียลไทม์ วิเคราะห์เทรนด์ และรองรับการทวนสอบได้ในระบบเดียว พร้อมเชื่อมต่อข้อมูลกับหลายระบบงาน ทำให้การจัดการคาร์บอนมีประสิทธิภาพมากขึ้นและตอบโจทย์มาตรฐานสากล
นายศรพล หวังว่าการที่บริษัทต่างๆ รายงานข้อมูลการปลอ่ยก๊าซเรือนกระจกที่ได้มาตรฐาน จะทำให้การสอบกลับต่างๆ เสียเวลาน้อยลง และนั้นจะทำให้ต้นทุนในการ ขึ้นทะเบียนคาร์บอนฟุตพรินต์ ลดลงด้วย
@ เพิ่มขีดความสามารถ
ด้านนายศุภกร เอกชัยไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาบริการด้านความยั่งยืน ตลท. กล่าวว่า สาเหตุที่บริษัทยังไม่เปิดเผยข้อมูลก๊าซเรือนกระจกเนื่องจากกังวลต้นทุน และรู้สึกว่าทำยาก ซึ่ง SET Carbon จะเข้ามาช่วยทำให้การบันทึกข้อมูลง่ายขึ้น รวมถึงเป็นประโยชน์สำหรับบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานกำกับมาตรฐาน ผู้สอบทวนข้อมูล ธนาคารผู้ปล่อยสินเชื่อ บริษัทจดทะเบียน และลูกค้าธุรกิจของธนาคาร นักลงทุน ที่จะมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือประกอบการตัดสินใจการให้ทุน ปล่อนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ ลงทุนในธุรกิจ การมีแนวทางที่ขัดเจนในการบริหารจัดการและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันองไทย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
