ZIGA ปูทางสู่โมเดลกรีน กำไรพุ่ง 241% มุ่งโตยั่งยืน

#ZIGA #ทันหุ้น - ZIGA ปักเป้าสร้างองค์กรโตอย่างยั่งยืน ยึดหลักพัฒนาโปรดักต์มุ่งสู่กรีน ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ปลอดสารตะกั่ว เล็งขยายตลาดใหม่ในกลุ่มโมเดิร์นเทรด ล่าสุดโชว์กำไรไตรมาส 3/2568 สุดหรู พุ่งขึ้น 241% แตะ 8.5 ล้านบาท
นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ZIGA เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 8.5 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 241.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 2.5 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ขยับขึ้นเป็น 6.0% ในไตรมาส 3/2568 จาก 1.9% ในไตรมาส 3/2567
** ผลงานไตรมาส 3/68
ด้านรายได้รวมในไตรมาส 3/2568 เท่ากับ 142.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.9% จากปีก่อน โดยมีรายได้จากการขายสินค้าจำนวน 136.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.0% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 18.0% จากไตรมาสก่อน บริษัทยังคงสามารถบริหารจัดการอัตรากำไรขั้นต้นได้ดี โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 18.5% และมี EBITDA จำนวน 20.9 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 40.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 4/2568 คาดว่าจะดีต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าการเติบโตในปีหน้าไว้ที่ระดับ “2 ดิจิต” (สองหลัก) หลังจากที่ปีที่ผ่านมาถือเป็นปีสร้างฐาน และบริษัทได้เปลี่ยนรูปแบบเป็นธุรกิจแบบ B2C (Business-to-Consumer)
“กลยุทธ์หลักในปัจจุบันของเรา คือการสร้างองค์กรให้โตอย่างยั่งยืน หลังจากการเรียนรู้และการลงทุนต่างๆ โดยการเติบโตอย่างยั่งยืนไม่ได้มองแค่เรื่องของกำไรสูงสุดเท่านั้น แต่เป็นการมองภาพใหญ่ที่ครอบคลุมทุกส่วน ทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อม คนซื้อ และสิ่งที่บริษัทส่งมอบให้กับลูกค้า” นายศุภกิจ กล่าว
** รุกขยายตลาดใหม่
อย่างไรก็ตามหัวใจสำคัญของการเติบโตคือการใส่ใจในด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) และความเป็น “กรีน” โดยเฉพาะการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณสมบัติ "ปลอดสารตะกั่ว" ซึ่งใช้กับผลิตภัณฑ์ประเภทท่อประปาและอื่นๆ คุณสมบัตินี้ทำให้ลูกค้ารู้สึกอิน และยอมจ่ายสินค้าราคาแพงขึ้น เพราะรู้สึกว่าผลิตภัณฑ์จากบริษัทมีคุณภาพและปลอดภัย
สำหรับแผนงานในปีหน้า บริษัทเตรียมขยายช่องทางใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มโมเดิร์นเทรด (Modern Trade) การขยายตลาดนี้จะช่วยตอบโจทย์ลูกค้าที่โดนบังคับในเรื่อง "กรีน" และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ "คาร์บอนเครดิต" (Carbon Credit) ด้วย
ในส่วนของธุรกิจขุด Bitcoin ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าราคาเหรียญจะขึ้นหรือลง เนื่องจากบริษัทจะได้รับกำไรเท่าเดิม หากราคาเหรียญลดลง บริษัทจะสามารถขุดได้มากขึ้น เพราะคู่แข่งอาจไม่คุ้มค่าไฟ
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจขุด Bitcoin ไม่ได้มีสาระสำคัญมาก เมื่อเทียบกับธุรกิจหลัก เนื่องจากคาดการณ์ว่าจะเริ่ม ออกดอกออกผลในระยะยาวประมาณ 7-10 ปี และบริษัทมองว่าความแข็งแกร่งของธุรกิจหลักมีความสำคัญมากกว่า
ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 บริษัทถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล (BTC) จำนวน 31.9 ล้านบาท และมีรายได้จากการขุดสินทรัพย์ดิจิทัลในไตรมาส 3/2568 จำนวน 1.8 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 63.0% จากไตรมาสก่อน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
