KJL โค้งท้ายออเดอร์ทะลัก ดาต้าเซ็นเตอร์หนุนนิวไฮ

#KJL #ทันหุ้น - KJL จับตาไตรมาส 4/2568 มีลุ้นทำนิวไฮรายไตรมาส หลังออเดอร์ทะลัก พร้อมรับเมกะเทรนด์โปรเจ็กต์ดาต้าเซ็นเตอร์ งานโครงการภาครัฐ-เอกชนกลับมาคึกคัก หนุนยอดขายปลายปี รุกขยายมาร์เก็ตแชร์มากกว่า 30%
นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า แนวโน้มทิศทางธุรกิจไตรมาส 4/2568 มีโอกาสทำนิวไฮรายไตรมาส หลังออเดอร์สินค้ากลุ่มรางเดินสายไฟ ตู้ไฟฟ้า และตู้ระบบเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดงานโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยเฉพาะโปรเจ็กต์ Data Center ยังเป็นแรงหนุนสำคัญต่อยอดขายในช่วงปลายปี ซึ่งถือเป็นช่วงที่ดีของธุรกิจตามฤดูกาลอยู่แล้ว
@ เร่งรับออเดอร์
ทั้งนี้บริษัทกำลังเร่งรับออเดอร์ในไตรมาสสุดท้าย โดยยอดขายกลุ่มงานโครงการทั้งภาครัฐและเอกชนกลับมาคึกคัก ทั้งในงานก่อสร้างเชิงพาณิชย์ อาคารสำนักงาน โรงงานอุตสาหกรรม และศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Hyperscale Data Center) ซึ่งหลายโครงการทยอยสรุปสเปก และจัดซื้อในช่วงไตรมาสนี้ ทำให้แนวโน้มยอดขายมีโอกาสเติบโตเหนือกว่าทุกไตรมาสที่ผ่านมาในปีนี้
อีกทั้งสินค้ากลุ่มใหม่อย่าง ตู้แร็ค Server ที่บริษัทเพิ่งเปิดตัว ได้รับความสนใจจากผู้รับเหมาขนาดใหญ่และผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที นอกจากจะช่วยเพิ่มไลน์สินค้าในตลาด Data Center แล้ว ยังเป็นการเสริมความครบวงจรให้บริษัทสามารถป้อนสินค้าในโปรเจ็กต์เดียวได้หลายชนิด ควบคู่กับสินค้าหลักอย่างตู้ไฟฟ้าและรางเดินสายไฟที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญมายาวนาน
ในด้านกลยุทธ์การตลาด KJL เดินหน้าขยายส่วนแบ่งการตลาดที่มีอยู่ราว 30% ให้กว้างขึ้น ผ่านการออกสินค้า Fighting Brand เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญด้านราคา ซึ่งช่วยป้องกันตลาดเดิมไม่ให้ถูกดึงส่วนแบ่งไป อีกทั้งยังช่วยให้บริษัทครอบคลุมกลุ่มลูกค้าได้ครบทุกระดับ ตั้งแต่โปรเจกต์ใหญ่ไปจนถึงงานติดตั้งในครัวเรือน โดยปีนี้บริษัทได้ขยายร้านค้าตัวแทนจำหน่ายจาก 1,000 เป็น 1,200 ร้านค้า และเพิ่มช่างไฟที่อยู่ในเครือข่ายจาก 10,000 เป็น 15,000 คน ทำให้เข้าถึงผู้ใช้งานปลายทางได้รวดเร็ว โดยใช้เงินลงทุนไม่มาก
// รายได้โต 10-15%
สำหรับปี 2569 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% จากแรงหนุนของความต้องการลงทุนในธุรกิจ Data Center การก่อสร้างเชิงพาณิชย์ที่มีแนวโน้มฟื้นตัว และกลยุทธ์ปรับราคาสินค้าให้สอดคล้องภาวะต้นทุนวัตถุดิบโลหะที่ลดลง แม้ราคาขายต่อหน่วยปรับลด แต่การเติบโตของวอลลุ่มสินค้าและกิจกรรมส่งเสริมการขายจะช่วยรักษาฐานรายได้ไว้ในระดับที่มั่นคง ทั้งนี้บริษัทคาดว่าการดำเนินงานในปี 2569 จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติเต็มรูปแบบหลังผ่านช่วงปรับตัวด้านต้นทุนในช่วงก่อนหน้า
ขณะที่ภาพรวมผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกปี 2568 รายได้ยังคงใกล้เคียงกับปีก่อน แม้บางกลุ่มตลาดมีการปรับตัวช้าตามภาวะเศรษฐกิจ แต่บริษัทสามารถรักษาระดับมาร์จิ้นได้ดีจากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอัตรากำไรขั้นต้น (GP) และ EBITDA ที่ยังขยายตัวได้ ส่วนกำไรสุทธิที่ลดลง เป็นผลจากฐานปีก่อนมีรายการภาษีแบบ One Time Benefit หากตัดรายการดังกล่าวออก ผลกำไรสุทธิปีนี้จะใกล้เคียงเดิม สะท้อนการดำเนินงานปกติที่ยังแข็งแรง
ด้านผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 บริษัทมีรายได้รวม 287.85 ล้านบาท ส่วน 9 เดือนแรกทำกำไรสุทธิรวม 118.40 ล้านบาท รายได้รวม 861.45 ล้านบาท พร้อมเดินหน้ากิจกรรมสร้างความสัมพันธ์กับพันธมิตรในอุตสาหกรรมพลังงานและเร่งขยายตลาดสู่ กลุ่มสื่อสาร–ไอที–Data Center เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการรองรับ อุตสาหกรรม New S-Curve และเทรนด์การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล0
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
