PLANBสื่อนอกบ้านบูม หนุนโค้งท้ายปีโตโดด
#PLANB #ทันหุ้น – PLANB จับตาไตรมาส 4/2565 เข้าไฮซีซันธุรกิจสื่อนอกบ้าน ดันผลงานกลับมาเป็นแบบ V-Shape
แถมได้รับอานิสงส์เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว เข้าเทศกาลปลายปี กระตุ้นเม็ดเงินโฆษณาฟื้นตัว ด้านธุรกิจการตลาดเล็งจัดกิจกรรมใหม่ต่อเนื่อง ขณะที่หั่นเป้ารายได้รวมปีนี้เหลือ 5.8 พันล้านบาท เพื่อสะท้อนปัจจัยกดดัน
นายธนพร เตชวิวรรธน์ หัวหน้านักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB เปิดเผยว่า ภาพรวมเม็ดเงินสื่อโฆษณานอกบ้าน (OOH) ในช่วงไตรมาส 3/2565 คาดชะลอตัวลงเล็กน้อยจากไตรมาส 2/2565เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า ภาวะเงินเฟ้อ ปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้ลูกค้ามีการปรับแผนการลงทุนใหม่ และระมัดระวังในการใช้เงินลงทุนในสื่อเพิ่มมากขึ้น
โดยบริษัทคาดว่าจากการเปิดประเทศท่องเที่ยวจะมีส่วนช่วยกระตุ้นภาคการบริโภคในประเทศได้มากขึ้น ตลอดจนกระตุ้นเม็ดเงินสื่อโฆษณาในช่วงไตรมาส 4/2565 ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยปกติในไตรมาสสุดท้ายของทุกปีจะเป็นไฮซีซันของธุรกิจสื่อ OOH เนื่องจากมีช่วงเทศกาลที่หลากหลายทำให้มีการใช้เงินลงทุนในสื่อโฆษณามากที่สุด ดังนั้นจึงมองว่าการเติบโตของผลการดำเนินงานจะกลับมาเป็นแบบ V-Shape ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
*ลุยจัดกิจกรรมต่อเนื่อง
ส่วนแผนการดำเนินงานธุรกิจการตลาดแบบมีส่วนร่วม (Engagement Marketing) ในช่วงครึ่งหลังปี 2565 นี้ บริษัทมีแผนที่จะจัดกิจกรรมต่างๆ ทั้ง การแข่งขันมวย RWS ที่จัดทุกวันศุกร์ และจะต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้, การจัดกิจกรรมฟุตบอล จะมีจัดลีคใหม่ต่อเนื่องไปจนถึงเดือนกรกฎาคม 2566, กิจกรรมวิ่ง จะจัดอีกกว่า 7-8 รายการ และ e-Sports อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่การบริหารลิขสิทธิ์ให้กับ BNK48ในช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีการจัดกิจกรรมกีฬาสีได้เพิ่มเติม ขณะเดียวกันจากการที่ PLANB และ IAM ที่ร่วมกันถือหุ้นผ่านบริษัท ทริปเปิ้ลเพลย์ จำกัด (TRIPLE PLAY) เข้าไปลงทุนใน EXIT 365ซึ่งเป็นผู้ได้รับสิทธิและผู้ผลิตรายการ The Voice ในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว จะเข้ามาช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ให้มีการเติบโตได้มากขึ้น
*ลดเป้าเหลือ 5.8 พันล.
อย่างไรก็ดี บริษัทได้มีการปรับลดเป้าหมายการดำเนินงานในปีนี้ใหม่ โดยคาดว่าการเติบโตของรายได้ในปี 2565 จะอยู่ที่มากกว่า 5,800 ล้านบาท (สัดส่วนรายได้ 80% จากธุรกิจสื่อ OOH และ 20% Engagement Marketing) จากเดิมที่วางไว้ 6,400-6,700ล้านบาท เพื่อสะท้อนต่อกำลังซื้อและเม็ดเงินลงทุนในสื่อที่ชะลอตัวลง และคาดว่าอัตรากำลังการผลิตสื่อในมือจะอยู่ที่ระดับ 8,600 ล้านบาท จากเดิมที่วางไว้ 8,750 ล้านบาท ตามการปิดจอที่อยู่ในมุมอับลง 42 จอ
สำหรับเงินลงทุนในปี 2565 ปรับลดลงเหลือที่ประมาณ 500-800 ล้านบาท จากเดิมที่วางไว้ 700-1,000 ล้านบาท หลัก เพื่อรองรับในการปรับปรุงประสิทธิภาพป้ายสื่อโฆษณา โดยจากการได้จอสื่อจาก AQUA เข้ามาช่วยทดแทนจอสื่อที่ถูกปิดไป และลดต้นทุนในการซ่อมบำรุงจอสื่อไปได้ถึง 170 ล้านบาท สำหรับอัตราการใช้พื้นที่สื่อในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 60% โดยในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2565 อยู่ที่ระดับ 53-55%