ความทรงจำอาจไม่ได้อยู่ในสมองเพียงอย่างเดียว แต่อาจกระจายอยู่ในอวัยวะทั่วร่างกาย

เป็นเวลานานหลายศตวรรษที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่า “ความทรงจำ” ทั้งหมดของมนุษย์เกิดขึ้นและถูกเก็บไว้ในสมอง แต่ในปี พ.ศ. 2568 งานวิจัยใหม่จากหลายประเทศกำลังท้าทายความเชื่อนี้อย่างจริงจัง โดยเสนอว่าความทรงจำอาจไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงในสมองเท่านั้น แต่อาจ “กระจาย” อยู่ในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น หัวใจ ลำไส้ และแม้แต่ในระบบประสาทรอบนอก
แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสมองกับระบบประสาทอิสระ ซึ่งควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ เช่น การเต้นของหัวใจและการย่อยอาหาร นักวิทยาศาสตร์พบว่า หัวใจและลำไส้มีเซลล์ประสาทอยู่เป็นจำนวนมากจนบางครั้งถูกเรียกว่า “สมองดวงที่สอง” (second brain) และ “สมองดวงที่สาม” (third brain) ระบบเหล่านี้สามารถส่งสัญญาณกลับไปยังสมองผ่านทางเส้นประสาทเวกัส (vagus nerve) และอาจมีบทบาทสำคัญต่อการจดจำอารมณ์หรือประสบการณ์บางอย่าง
ในปี 2024 ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโก (University of California, San Diego) รายงานในวารสาร Frontiers in Human Neuroscience ว่าความทรงจำเกี่ยวกับอารมณ์บางชนิดอาจเชื่อมโยงกับการตอบสนองของหัวใจและลำไส้ ไม่ใช่เพียงสมองเท่านั้น ผู้เข้าร่วมการทดลองที่ได้รับการกระตุ้นทางชีวภาพ (เช่น การเปลี่ยนจังหวะการเต้นหัวใจ) สามารถระลึกถึงเหตุการณ์ในอดีตได้เร็วขึ้นกว่ากลุ่มควบคุม
นอกจากนี้ นักประสาทชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ยังพบว่า โปรตีนในเซลล์ประสาทรอบนอกสามารถ “บันทึก” รูปแบบการส่งสัญญาณที่สอดคล้องกับความเครียดหรือประสบการณ์ซ้ำ ๆ ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ความทรงจำอาจถูกเก็บในระดับของ “ระบบ” มากกว่า “อวัยวะ” เพียงอย่างเดียว
ร่างกายที่จดจำได้
บางการศึกษายังหันมาสนใจกรณีของผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ซึ่งบางรายรายงานว่าหลังการผ่าตัด พวกเขารู้สึกมีนิสัย ความชอบ หรือความทรงจำบางอย่างที่ดูเหมือนจะ “ไม่ใช่ของตนเอง” แม้ว่าหลักฐานเชิงประจักษ์จะยังไม่ชัดเจน แต่นักวิทยาศาสตร์บางกลุ่มตั้งข้อสังเกตว่าอาจมี “ร่องรอยทางชีวเคมีของประสบการณ์” อยู่ในอวัยวะนั้น ๆ ก่อนการปลูกถ่าย
ความเข้าใจใหม่ของจิตใจและร่างกาย
หากแนวคิดนี้ได้รับการยืนยัน มันอาจเปลี่ยนวิธีที่เราเข้าใจเรื่องการเรียนรู้ ความทรงจำ และจิตสำนึกไปโดยสิ้นเชิง ความทรงจำอาจไม่ได้เป็นเพียงข้อมูลในสมอง แต่เป็นเครือข่ายของการตอบสนองทางชีวภาพทั่วทั้งร่างกาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบประสาท ฮอร์โมน และจุลชีพภายในร่างกายทั้งหมด
นอกจากนี้ แนวคิดนี้ยังอาจนำไปสู่แนวทางการรักษาโรคใหม่ ๆ เช่น การกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติเพื่อช่วยผู้ป่วยอัลไซเมอร์ หรือการบำบัดทางกายภาพเพื่อฟื้นฟูความทรงจำในผู้ที่มีภาวะบาดแผลทางจิตใจ (PTSD)
ท้ายที่สุดแล้ว งานวิจัยเหล่านี้ชวนให้เราตั้งคำถามใหม่ว่า “เราจำได้ด้วยสมอง หรือจำได้ด้วยทั้งร่างกาย?” และคำตอบของมันอาจเปลี่ยนโฉมวิธีที่มนุษย์เข้าใจตัวเองไปตลอดกาล
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
