รีเซต

ถ้าโลกยังเมิน “ดิน” ก็จะไม่มีวันชนะวิกฤตภูมิอากาศ

ถ้าโลกยังเมิน “ดิน”  ก็จะไม่มีวันชนะวิกฤตภูมิอากาศ
TNN ช่อง16
15 ธันวาคม 2568 ( 12:00 )
11

การประชุม COP30 ที่เพิ่งผ่านไปอาจถูกจดจำในฐานะเวทีที่ล้มเหลวในการสร้างโรดแมปที่มีผลผูกพันเพื่อยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล แต่สิ่งที่น่ากังวลไม่แพ้กันคือความเงียบงันของการเจรจาต่อสถานะวิกฤตของดิน ทั้งที่ดินคือทรัพยากรซึ่งกักเก็บคาร์บอนได้มากกว่าชั้นบรรยากาศและสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลก รวมกันเสียอีก

หากพิจารณาอย่างรอบด้าน สุขภาพของดินคือเส้นใยที่เชื่อมโยงความมั่นคงด้านอาหาร ความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพ การย้ายถิ่น ความขัดแย้ง และความอดอยาก แต่บนเวที COP ดินกลับถูกจำกัดบทบาทให้เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของภาคเกษตรกรรม ไม่ใช่รากฐานของระบบนิเวศบนบกทั้งหมด ความล้มเหลวนี้ไม่ได้เกิดจากการขาดข้อมูล หากเกิดจากกรอบความคิดที่ยังไม่ยอมรับว่าดินคือระบบมีชีวิตที่ปกป้องโลกใบนี้

แม้จะมีการยอมรับจากองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติว่าเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วกำลังบ่อนทำลายผลผลิตทั่วโลก และมีการตั้งกองทุนเพื่อฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรม รวมถึงคำมั่นการลงทุนมูลค่า 9 พันล้านดอลลาร์ เพื่อฟื้นฟูพื้นที่กว่า 210 ล้านเฮกตาร์ แต่ตัวเลขเหล่านี้ยังน้อยนิดอย่างน่าตกใจเมื่อเทียบกับเงินอุดหนุนปุ๋ยและสารปรับปรุงดินในประเทศอุตสาหกรรม หรือการลงทุนด้านพลังงานสะอาดที่สูงถึงหลายล้านล้านดอลลาร์ การดำเนินการด้านดินกำลังเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้า ในขณะที่โลกกำลังเผชิญไฟไหม้ น้ำท่วม และภัยแล้งพร้อมกันราวกับไม่มีเวลารอ

ความย้อนแย้งยิ่งชัดเจนเมื่อรู้ว่า ดินเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รองจากมหาสมุทร และสามารถดูดซับคาร์บอนได้ถึงเกือบหนึ่งในสามของปริมาณการลดการปล่อยที่จำเป็นต่อการจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เกินสององศา ดินยังเป็นระบบนิเวศที่มีความหลากหลายมากที่สุด เป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตกว่าครึ่งหนึ่งของโลก และทำหน้าที่กรองน้ำใต้ดินซึ่งประชากรมากกว่าครึ่งของโลกพึ่งพาเพื่อการอุปโภคบริโภค แต่ถึงกระนั้น โลกกลับยังไม่มีกรอบกฎหมายสากลเพื่อคุ้มครองดิน ต่างจากชั้นบรรยากาศที่มีความตกลงปารีส หรือมหาสมุทรที่มีอนุสัญญากฎหมายทะเลรองรับ

การขาดกรอบคุ้มครองนี้สะท้อนผ่านความล้มเหลวในการเชื่อมโยงสุขภาพของดินเข้ากับกลไกการเงินด้านสภาพภูมิอากาศ ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจนสำหรับการลดการปล่อยจากภาคเกษตร ไม่มีมาตรวัดด้านดินที่ผูกกับงบปรับตัว ทั้งที่ดินมีบทบาทสำคัญต่อการกักเก็บน้ำ ลดความรุนแรงของไฟป่า และบรรเทาน้ำท่วม ขณะเดียวกัน เกษตรกรรายย่อยซึ่งผลิตอาหารให้โลกถึงร้อยละสามสิบ กลับได้รับเงินทุนด้านสภาพภูมิอากาศไม่ถึงร้อยละหนึ่ง ความเหลื่อมล้ำนี้ไม่เพียงไม่เป็นธรรม แต่ยังบ่อนทำลายความมั่นคงของระบบอาหารโลกในระยะยาว

ถึงเวลาแล้วที่โลกต้องปรับกรอบคิดและยอมรับว่าความมั่นคงของดินคือความมั่นคงของมนุษยชาติ การฟื้นฟูดินควรถูกยกระดับเป็นแกนกลางของแผนรับมือสภาพภูมิอากาศของทุกประเทศ มีที่ยืนถาวรในแผน NDC และเข้าถึงแหล่งเงินทุนด้านภูมิอากาศอย่างเป็นระบบ เป้าหมายสำคัญคือการฟื้นฟูอินทรียวัตถุในดินให้ถึงระดับอย่างน้อยสามเปอร์เซ็นต์ เพื่อหยุดการรั่วไหลของคาร์บอนจากผืนดินที่ตายแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง